รีวิวปีนขึ้นพิชิตยอดเขา Norikura บนความสูงกว่า 3,026 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลภายใน 1 วัน!

Traitanit Huangsri
5 min readAug 18, 2024

--

สวัสดีครับ บทความนี้ยังคงอยู่ในซีรีส์ท่องเที่ยวบริเวณเทือกเขาเจแปนแอลป์ตอนเหนือ (North Japanese Alps) จากเมื่อตอนที่แล้วเราได้ไปเที่ยวแบบ One Day Trip ที่พื้นที่ธรรมชาติอันสวยงามอย่าง Kamikochi กันมาแล้ว ในตอนนี้เราจะอัพเกรดความท้าทายในการท่องเที่ยวของเราด้วยการไปปีนเขาขึ้นยอดเขาโนริคุระ (Mount Norikura) ซึ่งมีจุด Summit สูงมากกว่า 3,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลเลยทีเดียว สำหรับใครที่เพิ่งจะเปิดเข้ามาอ่านบทความนี้เป็นครั้งแรก สามารถย้อนกลับไปอ่านตอนที่แล้วที่กันได้ด้วยการคลิกที่บทความด้านล่างนี้ได้เลยครับ

รู้จักเทือกเขาโนริคุระ (Mt. Norikura) กันก่อน

วิวจากยอดเขา Mt. Kengamine

เทือกเขาโนริคุระ (Mt. Norikura หรือ Norikuradake) คือชื่อเรียกกลุ่มของภูเขาทั้ง 23 ยอดทางตอนใต้ของเทือกเขาเจแปนแอลป์ตอนเหนือ (North Japanese Alps) ตั้งอยู่บริเวณขอบชายแดนของจังหวัดนางาโนะและจังหวัดกิฟุ โดยที่นี่มียอดเขาที่สูงที่สุดชื่อว่า “ยอดเขาเค็งกามิเนะ” (Kengamine) ซึ่งมีความสูงกว่า 3,026 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมที่มีนักปีนเขามาเดินปีนเขากันในช่วงฤดูร้อนจนถึงฤดูใบไม้ร่วง และถึงแม้ว่ายอดเขาจะมีความสูงกว่า 3,026 เมตรแต่ที่นี่มีเส้นทางปีนเขาที่ค่อนข้างมีทางเดินค่อนข้างดีและสามารถปีนขึ้นถึงยอดเขาได้ไม่ยาก เนื่องจากมีท่ารถบัสทาทามิไดระ (Tatamidaira Bus Terminal) ซึ่งเป็นท่ารถบัสที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่นบนความสูงกว่า 2,702 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลคอยอำนวยความสะดวกให้เราสามารถร่นระยะเวลาในการปีนเขาไปได้มาก

เทือกเขาโนริคุระเปิดให้เข้าเที่ยวชมได้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคมจนถึง 31 ตุลาคม และไม่อนุญาตให้นำรถยนต์ส่วนตัวขึ้นมาจอดบริเวณอุทยานเนื่องจากว่าต้องการรักษาสภาพแวดล้อมของธรรมชาติไว้ให้ได้มากที่สุด เราจะต้องขึ้นรถบัสที่ได้รับอนุญาตขึ้นมาเพื่อเที่ยวชมหรือปีนเขาได้เท่านั้น

การเดินทางมายัง Mt.Norikura

เส้นทางการเดินทางมายัง Mt. Norikura Credit: norikuradake.jp

เราสามารถเดินทางมายังเทือกเขาโนริคุระได้จากหลักๆ 2 ฝั่งนั่นคือฝั่ง Matsumoto, Nagano ผ่านเส้นทาง “Norikura Echoline” (เปิดให้บริการตั้งแต่ 1 กรกฎาคม — 31 ตุลาคม) และฝั่ง Takayama ผ่านเส้นทาง “Norikura Skyline” (เปิดให้บริการตั้งแต่ 15 พฤษภาคม-31 ตุลาคม) ดังนั้นเราควรวางแผนให้ดีว่าจะขึ้นมาจากฝั่งไหน เพราะเวลาเปิดให้บริการจะเริ่มไม่ตรงกันครับ

ในทริปนี้ผมเลือกเดินทางมายัง Mt. Norikura จากเมือง Matsumoto ผ่านเส้นทาง Norikura Echoline เนื่องจากว่าในปี 2024 ที่กำลังเขียนบทความนี้นั้น เส้นทางจากฝั่ง Takayama หรือ Norikura Skyline มีการปิดถนนเนื่องมาจากมีภัยธรรมชาติตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2022 ทำให้ถนนได้รับความเสียหาย แต่ล่าสุดเส้นทางนี้จะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2024 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ถ้าใครที่จะเดินทางมาทั้งสองเส้นทางนี้ ควรเช็คสถานะการให้บริการของทั้งสองเส้นทางได้จากเว็บไซต์ของบ.ผู้ให้บริการรถบัส https://www.nouhibus.co.jp/english/ (สำหรับการเดินทางจากฝั่ง Takayama) และ https://www.alpico.co.jp/th/timetable/norikura/ (สำหรับการเดินทางจากฝั่ง Matsumoto, Nagano) เพื่อให้มั่นใจว่าการให้บริการยังเป็นปกติ เพราะบริเวณนี้อาจมีภัยธรรมชาติอยู่บ่อยครั้งครับ

รถไฟ Matsumoto Dentetsu Line

ผมออกเดินทางตั้งแต่เช้า ขึ้นรถไฟสาย Matsumoto Dentetsu Line จากสถานี Matsumoto รอบ 7:15am มาลงที่สถานี Shin-Shimashima คล้ายกับในตอนที่แล้วที่เดินทางไป Kamikochi เลย แต่คราวนี้จะขึ้นไป Mt. Norikura แทน ซึ่งการเดินทางทั้งหมดในวันนี้ก็จะยังเป็นการใช้พาส Alps Wide Free Passport เช่นเคยซึ่งครอบคลุมการเดินทางทั้งหมดจาก Matsumoto ไปจนถึงท่ารถบัส Tatamidaira เพื่อเดินปีนเขา Norikura เลย คุ้มค่ามากๆ ครับ โดยแผนการเดินทางวันนี้ เราจะนั่งบัสจากสถานี Shin-shimashima ไปลงที่ Norikura Kogen Tourist Center เพื่อเปลี่ยนรถบัสขึ้นต่อไปยังท่ารถบัสทาทามิไดระ (Tatamidaira Bus Terminal) อีกทีหนึ่ง และจะเริ่มเดินปีนเขาจากจุดนี้ที่ความสูงกว่า 2,702 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลเลย

ขึ้นบัสของ Alpico ที่สถานี Shin-Shimashima

เดินทางจากสถานี Shin-Shimashima ประมาณ 1 ชม. ก็มาถึงที่ Norikura Kogen Tourist Center เวลาประมาณ 9:10am เพื่อลงมาเปลี่ยนรถบัส ตรงจุดนี้จะมีเวลาให้เราพักเข้าห้องน้ำได้แปบนึง แต่เราจะเริ่มเห็นคนมาต่อคิวเพื่อขึ้นบัสต่อไปยัง Tatamidaira กันแล้ว แนะนำให้เช็คตารางรอบรถบัสมาก่อนนะครับ จะได้ไม่เสียเที่ยว

Norikura Kogen Tourist Center
Bus ต่อขึ้นไปยัง Tatamidaira

บริเวณ Norikura Kogen Tourist Center จะมีร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก ห้องน้ำ รวมถึงลานจอดรถสำหรับใครที่ขับรถยนต์ส่วนตัวมาจะต้องมาจอดที่นี่และต่อบัสขึ้นไป (เพราะไม่สามารถขับรถส่วนตัวขึ้นไปยัง Tatamidaira ได้)

ผมขึ้นบัสต่อไปยัง Tatamidaira รอบ 9:30am รถบัสออกตรงเวลา และมีรถบัสเสริมให้ในกรณีที่มีนักท่องเที่ยวปริมาณมากด้วยครับ ดีงามมากๆ ไม่ต้องกลัวว่าถ้าคนเยอะแล้วจะตกรถเลยนะ

วิวระหว่างทางขึ้นมา Tatamidaira

บัสออกเดินทางขับไต่เขาสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนเราเริ่มรู้สึกถึงความสูงได้นั่นคือหูเริ่มอื้อนั่นเอง แต่วิวระหว่างทางบอกได้เลยว่าสวยงามมากๆ และทางก็คดเคี้ยวเอามากๆ (ต้องเป็นผู้มีประสบการณ์การขับรถบริเวณนี้จริงๆ ถึงถ้าขับรถส่วนตัวมาได้ ผมก็คงไม่เอาด้วยอยู่ดี แอบหวาดเสียว 55+)

Tatamidaira Bus Terminal
อากาศข้างบนช่วงฤดูร้อนเดือนก.ค. 14 องศาเท่านั้น

รถบัสใช้เวลาราวๆ 50 นาทีก็มาถึงที่ N-42 Tatamidaira (Mt. Norikura Mountain Bus Terminal) ข้างบนนี้อากาศเย็นมากครับ ถึงแม้ผมจะเดินทางมาในช่วงฤดูร้อน แต่อากาศด้านบนนี้อยู่ที่ 14 °c เท่านั้น เย็นฟินสะใจมากครับ ดังนั้นถ้าใครจะมาปีนเขาที่นี่ควรจะต้องเตรียมเสื้อกันลมมาด้วยถึงแม้ว่าจะมาในช่วงฤดูร้อนก็ตามครับ หนาวลมแรงจริงๆ

เส้นทางเดินปีนเขาที่ Mt. Norikura credit: norikuradake.jp

Hiking Trail Plan

แผนการเดิน Hiking ของผมวันนี้คือไปตาม Mt. Kengamine Trail เริ่มต้นจาก Tatamidaira ผ่าน Tsurugaike Pond และมีแวะขึ้นไปยังเขาลูกแรกคือ Mt. Fujimi เป็นจุดชมวิวแห่งแรก หลังจากนั้นก็เดินต่อไปยัง Katanokoya Hut แวะพักทานข้าวที่นี่และเดินขึ้น Mt.Kengamine ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงสุดใน Mt. Norikura แห่งนี้ หลังจากนั้นก็จะเดินกลับมาทางเดิมแต่เลี้ยวมาทาง Fuyegaike Pond เพื่อแวะชมวิวบึงทะเลสาบสวยๆ และเดินผ่าน Alpine Flower Field สวยและจบการ Hiking ที่ Tatamidaira เพื่อขึ้นรถบัสกลับลงไปด้านล่างครับ

Tsurugaike Pond

ผมเริ่มเดินจาก Tatamidaira ผ่านบ่อน้ำสึรุกาอิเกะ (Tsurugaike Pond) ซึ่งอยู่บนความสูงประมาณ 2,700 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล น้ำในบ่อสะท้อนภาพของท้องฟ้าและยอดเขาที่อยู่โดยรอบอย่างงดงามมากครับ

Alpine Flower Field

เมื่อมองย้อนกลับมาอีกด้านเราก็จะมองเห็นทุ่งดอกไม้อัลไพน์ ซึ่งเป็นทุ่งดอกไม้บนภูเขาที่เต็มไปด้วยดอกไม้ชนิดต่างๆ ซึ่งเติบโตในพื้นที่ที่มีความสูงและมีอากาศเย็น เป็นที่รวมของดอกไม้หลากหลายชนิดรวมถึงพันธุ์ที่หายากและเติบโตได้เฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีความสูงเช่น ดอกโคเมกุสะ (Komakusa) ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำเทือกเขาเจแปนแอลป์ประเทศญี่ปุ่น

วิวจาก Mt. Fujimi
Mt. Fujimi

ผมเดินปีนเขาต่อเพื่อขึ้นไปยังยอดเขาฟุจิมิ (Mt.Fujimi) วิวบนยอดเขาฟูจิมินั้นต้องบอกว่าสวยงามมากๆ เพราะเราสามารถมองเห็นวิวของภูเขาและทุ่งหญ้าที่ล้อมรอบอย่างสวยงาม และนอกจากนี้ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส เรายังมีโอกาสที่สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิ (Fuji-san) จากบริเวณยอดเขา Fujimi ได้อีกด้วย เพราะคำว่า “Fujimi” ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า “มองเห็นฟูจิ” นั่นเอง

Mt. Fujimi Summit

ผมนั่งพักบนยอดเขาฟูจิมิซักครู่และออกเดินทางต่อ ทางหลังจากนี้จะมีหินค่อนข้างเยอะ ดังนั้นถ้าใครที่จะมาเดินปีนเขาที่นี่แนะนำว่าให้ใส่รองเท้า Hiking ที่มีความแข็งแรงทนทานต่อการเดินบนสภาพภูมิประเทศที่เป็นหินเยอะๆ แบบนี้ด้วยนะครับ ไม่ควรใช้รองเท้า Sneaker แบบปกตินะครับ เพราะมันค่อนข้างลื่น

เส้นทางบน Mt. Fujimi
Fuyegaike Pond

หลังจากเดินลงจาก Mt. Fujimi มองไปทางขวาเราก็จะเห็นวิวของบ่อน้ำอีกที่ ซึ่งมีชื่อว่า “Fuyegaike Pond” (ฟุเยะไกเกะ) เป็นบ่อน้ำเล็กๆ ตั้งอยู่ใน Norikura ล้อมรอบไปด้วยทุ่งหญ้าและภูเขา น้ำในบ่อสะท้อนภาพของท้องฟ้าและภูเขารอบๆ อย่างสวยงาม เป็นจุดที่เหมาะกับการแวะถ่ายรูปมากๆ ครับ ช่วงที่ผมไปถึงแม้จะเป็นเดือนกรกฎาคมแล้ว แต่ก็ยังเห็นว่ามีหิมะบางส่วนที่ยังละลายไม่หมดอยู่เลย สวยแปลกตาไปอีกแบบเลยครับ

Big Snow Valley ลานสกี ที่มีคนมาเล่นสกีจริงๆ

หลังจากผ่าน Fuyegaike Pond แล้วผมเดินต่อมาเรื่อยๆ เพื่อที่ไปยังจุดแวะพัก Katanokoya Hut มองออกไปด้านข้างเราจะพบกับลาน Ski ที่ยังมีคนมาเล่นสกีกันอยู่ในฤดูร้อน! ชื่อว่า “Big Snow Valley” บริเวณนี้เป็นเนินเขาที่กลายเป็นลานสกี เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นฤดูร้อนแล้วแต่หิมะก็ยังไม่ละลาย เป็นอะไรที่ Amazing มาก นับถือคนที่ตั้งใจมาเล่นสกีที่นี่มาก เพราะไม่มีร้านเช่าอุปกรณ์ใดๆ ไม่มีลิฟต์คอยอำนวยความสะดวก วิธีเดียวที่จะขึ้นไปสกีจากด้านบนคือต้อง Hiking ขึ้นไปเท่านั้น!

Katanokoya Hut

หลังจากเดินมาได้ราว 50 นาทีผมก็มาถึงจุดพักที่ Katanokoya Hut ที่นี่มีอาหาร ขนม เครื่องดื่มจำหน่ายทั้งเมนูข้าวแกงกะหรี่ อุด้งต่างๆ และยังมีสินค้าที่ระลึกของ Mt. Norikura จำหน่ายด้วย และที่นี่จะเป็นจุดสุดท้ายที่มีห้องน้ำก่อนที่เราจะขึ้นไปยังยอดเขา Kengamine ดังนั้นถ้าใครจะเข้าห้องน้ำควรเข้าที่นี่ก่อนให้เรียบร้อยก่อนเดินทางต่อนะครับ

Udon มื้อกลางวัน

หลังจากพักทานข้าวจนอิ่มและเข้าห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินทางกันต่อ เส้นทางหลังจากนี้จะเป็นการเดินไต่เขาขึ้นไปยังยอดเขา Kengamine แล้ว ซึ่งเส้นทางจะค่อนข้างเป็นเนินตลอดทาง แนะนำให้ใช้ความระมัดระวังในการเดินให้มากๆ เลยนะครับ

เส้นทางขึ้น Kengamine
Gongenike Pond
แวะถ่ายรูปกับ Gongenike Pond เล็กน้อย

หลังจากเดินขึ้นมาอย่างเหน็ดเหนื่อย เราก็มาถึงจุดแวะพักอีกจุดก่อนที่จะขึ้นไปยังจุดสูงสุดของ Mt. Norikura นี่คือ “Gongenike Pond” เป็นบ่อน้ำอีกจุดที่อยู่ท่ามกลางภูเขาสูงและทุ่งหญ้าอันเขียวขจี น้ำในบ่อเป็นสีฟ้าครามน้ำเงินใสมากเกิดจากการละลายของหิมะบนภูเขาไหลมารวมกันกลายเป็นบ่อน้ำ เราแวะถ่ายรูปตรงนี้อีกครั้ง สวยงามมากจริงๆ ครับ

ผมเดินทางต่อเพื่อจะขึ้นไปยังยอดเขา Kengamine ให้ได้ เส้นทาง Trail ช่วงนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นหินปนทรายเยอะมากๆ นึกว่าอยู่บนดาวอังคารเลยครับ บรรยากาศมันสุดยอดมากๆ ถึงจะเหนื่อยมาก แต่วิวก็อลังการมากเช่นกัน

Mt. Kengamine Summit

และแล้วผมก็มาถึงยอดเขา Kengamine ตรงนี้เป็นจุดที่สูงที่สุดของเทือกเขา Norikura แล้วบนความสูงกว่า 3,026 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อากาศบนนี้ต้องบอกเลยว่าลมพัดเย็นมากๆ ครับ วิวด้านหลังก็คือ Gongenike Pond ที่เราเพิ่งผ่านมาเมื่อกี้นั่นเอง ฟินสุดๆ ครับข้างบนนี้

ศาลเจ้าบนยอดเขา Kengamine

ข้างบนยอดเขา Kengamine แห่งนี้ยังมีศาลเจ้าอยู่ด้วยนะครับ ซึ่งถ้าใครเคยไปเดินปีนเขาตามยอดเขาต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่นก็มักจะมีศาลเจ้าตั้งอยู่ในลักษณะนี้ เป็นเพราะว่าในลัทธิชินโตเชื่อว่าตามสถานที่ธรรมชาติต่างๆ จะมีเทพเจ้าสิงสถิตอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำ ภูเขาหรือทะเล คนญี่ปุ่นจึงมักมาปีนเขาและแวะขึ้นมาเคารพศาลเจ้าด้วยเสมอครับ

Fuyegaike Pond แบบระยะใกล้

หลังจากเต็มอิ่มกับการปีนเขาขึ้นมาถึงยอดเขา Kengamine แล้วผมก็เดินกลับลงมาทางเดิม และเดินย้อนกลับไปดูวิวของ Fuyegaike Pond แบบระยะใกล้อีกรอบ (ก่อนหน้านี้มองจากบนเขา Fujimi) พอยิ่งมองใกล้ๆ แล้วยิ่งสวยงามจริงๆ ครับ

ผมเดินย้อนกลับลงมาจนถึงท่ารถบัส Tatamidaira Bus Terminal เพื่อขึ้นรถบัสกลับไปยัง Norikura Kogen Tourist Center เพื่อเปลี่ยนบัสกลับไปยัง Shin-Shimashima — Matsutomoto Station เหมือนขามา ใช้เวลาเดินทางอีกราว 2 ชม.ครับ

สรุป

เป็นการ Hiking บนเทือกเขา Norikura สุดฟิน ตั้งแต่การเดินทางด้วยบัสขึ้นมายัง Tatamidaira บนความสูงมากกว่า 2,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และปีนเขาไป 2 ลูกทั้ง Mt. Fujimi และ Mt.Kengamine ผมใช้เวลาในการปีนเขารวมไปกลับทั้งหมด 2 ชม. 40 นาที (ไม่รวมเวลาพักทานข้าว) เริ่มต้นเดินทางจาก Matsumoto ตั้งแต่ 7 โมงเช้าและกลับลงไปถึงเมือง Matsumoto ในตอนเย็นราวๆ 5–6 โมงเย็นเลย ทั้งหมดนี้เดินทางด้วย Alps Wide Free Passport สุดคุ้มค่า เพราะถ้าต้องซื้อตั๋วรถบัสรายเที่ยวน่าจะมีค่าใช้จ่ายรวมๆ มากกว่า 8,000 เยน แต่เราใช้พาสแบบเหมาไปแล้ว เรียกได้ว่าคุ้มค่าทั้งค่าเดินทาง และประสบการณ์การท่องเที่ยวเลย แนะนำถ้าใครอยากเริ่มต้นปีนเขาในประเทศญี่ปุ่น Mt. Norikura ก็เป็นอีกหนึ่งใน Destination ที่ควรแค่แก่การมาซักครั้งในชีวิตครับ สามารถหาข้อมูลการท่องเที่ยว Mt. Norikura เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://norikuradake.jp/ ได้นะครับ

ในตอนหน้าผมจะเดินทางไปเที่ยวที่เมือง Hakuba เพื่อไปปีนเขาอีกแล้วที่ Happo-ike สุดอลังการ ฝากติดตามกันด้วยนะครับ Happy Travel!

--

--