รีวิวไป Hiking ที่ Hallasan National Park ที่เกาะเชจู เกาหลีใต้

Traitanit Huangsri
5 min readNov 13, 2022

--

สวัสดีครับ บทความนี้จะขอพาทุกคนไป Hiking ขึ้นเขากันที่ Hallasan National Park ที่เกาะเชจู ประเทศเกาหลีใต้กันครับ ซึ่งเป็นการไป Hike ที่อุทยานแห่งชาติฮัลลาซานเป็นครั้งที่สองของผมแล้ว แต่คนละฤดูกาลกัน โดยครั้งแรกผมมาในช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2017 ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อน ส่วนในครั้งนี้ 5 ปีผ่านไปผมกลับมาที่นี่อีกครั้งเพื่อมา Hike ในช่วงที่สวยที่สุดของปีคือในฤดูใบไม้ร่วงช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาครับ ซึ่งก็ได้เห็นความสวยที่แตกต่างไปมากๆ เลยครับ

รู้จัก Hallasan National Park กันก่อน

อุทยานแห่งชาติฮัลลาซาน ตั้งอยู่ใจกลางเกาะเชจู เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 9 ของประเทศเกาหลีใต้นับตั้งแต่ปีค.ศ. 1970 และภูเขาฮัลลาซานยังเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศเกาหลีใต้อีกด้วย โดยจุดสูงสุดมีความสูงกว่า 1,947 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล

นอกจากนี้อุทยานแห่งชาติฮัลลาซานยังได้รับการประกาศเป็นเขตสงวนชีวมณฑลหรือ Biosphere Reserve โดยองค์การ UNESCO อีกด้วย ที่นี่มีพืชพันธุ์หลากหลายชนิดแปลกๆ ที่เราไม่เคยเห็นได้ในประเทศไทยหลายชนิดเลยครับ

ที่นี่ยังเป็น Landmark ที่สำคัญของเกาะเชจูเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อคุณนั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบินนานาชาติเกาะเชจูนั้นจังหวะที่เครื่องบินกำลังจะ Landing เราจะได้เห็นภูเขาฮัลลาซานตั้งตระหง่านอยู่กลางเกาะอย่างเห็นได้ชัด (ในวันที่ฟ้าเปิด) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเกาะเชจูที่นักท่องเที่ยวหลายๆ คนก็อยากจะมาได้มาเที่ยวชมซักครั้งในชีวิต เรียกว่าไม่ว่าจะมองจากจุดไหนในเกาะเชจูก็จะเห็นภูเขาฮัลลาซานได้อย่างชัดเจนครับ

ภูเขาฮัลลาซานตั้งอยู่กลางเกาะเชจูเลย

ภูเขาฮัลลาซานเกิดจากการประทุของภูเขาไฟในอดีตจนเกิดการไหลรวมกันของลาวาจนกลายเป็นภูเขาในรูปทรงของ Shield Volcano คือเห็นเป็นลักษณะเป็นปล่องภูเขาไฟที่บริเวณจุดตรงกลางของภูเขา สวยงามมากๆ

Hiking Trails ที่ Hallasan National Park

ที่อุทยานแห่งชาติฮัลลาซานแห่งนี้เปิดให้ประชาชน นักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถมาเดิน Hiking ได้ฟรีนะครับ มีการสร้าง Trails สำหรับการ Hiking รวมทั้งหมด 7 เส้นทาง ซึ่งแต่ละเส้นทางก็จะมีความยากง่ายในการเดินและระยะทางและเวลาที่ใช้ในการ Hike ที่แตกต่างกันครับ

  1. Eorimok Trail (어리목탐방로) อ่านว่า “ออริมก” เป็นเส้นทางที่มีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยมากๆ ครับ ระยะทางรวมไปกลับ 6.8 km ใช้เวลาเดิน 3 ชม. (one-way) ระดับความยาก: ง่ายเป็นส่วนใหญ่
  2. Yeongsil Trail (영실탐방로) อ่านว่า “ยองชิล” ระยะทางรวม 5.8 km ใช้เวลารวม 2 ชม. ครึ่ง เส้นทางจะเยื้องลงไปทางฝั่งเมือง ซอควีโพด้านใต้ของเกาะครับ ระดับความยาก: ง่ายเป็นส่วนใหญ่
  3. Gwaneumsa Trail (관음사탐방로) อ่านว่า “ควันอึมซา” ระยะทางรวม 8.7 km ใช้เวลาเดิน 5 ชม. และเส้นทางนี้จะต้องทำการจองล่วงหน้ามาที่อุทยานก่อนวันเดินทางด้วยครับ ซึ่งเส้นทางนี้มีความความยากสูง ทางอุทยานแนะนำให้จองเข้ามาให้ลักษณะ Group Tour จะดีกว่าครับ
  4. Seongpanak Trail (성판악탐방로) อ่านว่า “ซองพานัก” เป็นเส้นทาง Hike ที่ไปใกล้จุดปากปล่องภูเขาไฟมากที่สุด ระยะทางรวม 9.6 km ใช้เวลาเดินรวม 4 ชม.ครึ่ง ระดับความยาก: สูง ทำให้จะต้องมีการจองล่วงหน้าเข้ามาก่อนเช่นกัน และทางอุทยานก็แนะนำให้มา Hike แบบกลุ่ม หรือ Group Tour เพื่อป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดอันตรายหรือการบาดเจ็บที่อาจะเกิดขึ้นได้
  5. Donnaeko Trail (돈내코 탐방로) อ่านว่า “ดนแนโก” เป็นเส้นทาง Hike จากฝั่งเมืองซอควีโพขึ้นมาทางด้านบน ระยะทางรวม 7 km ใช้เวลาเดิน 3 ชม. ครึ่ง ระดับความยาก: ปานกลาง
  6. Seokgulam Trail (석굴암 탐방로) อ่านว่า “ซอกกูรัม” เป็นเส้นทาง Hike ระยะสั้น 1.5km ใช้เวลาเดินแค่ 50 นาที เหมาะกับใครที่อาจจะมีเวลาไม่มากและอยากมาสัมผัสการเดินที่อุทยานแห่งชาติฮัลลาซาน ก็ลองมาเดินในเส้นทางนี้ได้ครับ
  7. Eoseungsaengak Trail (어승생악 탐방로) อ่านว่า “ออซึงเซงอัก” เป็นเส้นทางการเดิน Hike ที่สั้นที่สุดในฮัลลาซาน ด้วยระยะทาง 1.3 km ใช้เวลาเดินเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่อยากมาเดินชมธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติฮัลลาซานแห่งนี้ครับ

โดยในรีวิวนี้ ผมเลือกเส้นทาง Hike โดยเริ่มเข้าอุทยานแห่งชาติฮัลลาซานที่ “Eorimok Trail” เดินไปจนถึงจุดชมวิว “Witseoreum (윗세오름)” และทำการเดินลงผ่านเส้นทาง “Yeongsil Trail” รวมระยะทางทั้งหมดประมาณ 8.46 km ใช้เวลาในการเดินรวมทั้งหมด 2 ชั่วโมงกับอีก 38 นาทีครับ

เส้นทางการ Hike ของผม ขึ้นที่ Eorimok ลงที่ Yeongsil Trail

การเตรียมตัว

ที่อุทยานแห่งชาติฮัลลาซานนี้จะไม่มีจุดขายน้ำ เครื่องดื่มรวมถึงอาหารบนอุทยานนะครับ รวมถึงถังขยะต่างๆ ก็ไม่มีตลอดเส้นทางเช่นกันเพื่อเป็นการรักษาความสะอาดและอนุรักษ์ธรรมชาติไว้ให้ได้มากที่สุด ดังนั้นเราจึงจะต้องเตรียมตัว เตรียมฟิตร่างกายมาให้พร้อม รวมถึงเตรียมอาหาร น้ำและเครื่องดื่มต่างๆ มาเองรวมถึงถุงขยะมาเพื่อใส่ขยะ รวมถึงเศษอาหารต่างๆ ที่เราทานระหว่างการ Hiking เพื่อเก็บลงไปทิ้งที่บริเวณ Information Center บริเวณทางเข้าของอุทยานด้วยตัวเองนะครับ

รองเท้าที่ใช้เดิน Hiking ควรเป็นรองเท้า Hiking โดยเฉพาะที่ทนทานต่อการเดินป่า รวมถึงควรจะกันน้ำ (ในกรณีที่มาเดินในฤดูหนาวที่อาจจะมีหิมะตกบนภูเขา) หรืออย่างน้อยๆ ก็ควรเป็นรองเท้าผ้าใบที่หนานิดนึงเพื่อช่วยรองรับแรงกระแทกที่เราใช้เดินได้ดี เพราะภูมิประเทศของภูเขาฮัลลาซานจะมีบางส่วนเป็นหินขนาดใหญ่ และบางจุดที่มีความชื้นพื้นก็อาจจะมีความลื่นได้ ดังนั้นควรเตรียมรองเท้าที่ออกแบบมาให้ใช้สำหรับเดินป่าโดยเฉพาะน่าจะดีกว่าครับ

การแต่งตัวก็ตามฤดูกาล ถ้าเป็นช่วงฤดูหนาว ฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้ผลิ ที่อากาศเย็นควรเตรียมเสื้อกันหนาวหรืออย่างน้อยก็เสื้อกันลมมาด้วยครับ เพราะอากาศบนภูเขาจะเย็นกว่าอากาศบนพื้นราบที่เมืองเชจูหรือซอควีโพ และเตรียมหมวกหรือทาครีมกันแดดมาก่อนที่จะมา Hike เพราะแดดที่นี่ค่อนข้างแรงอยู่ครับ

การเดินทาง

การเดินทางมา Hike ที่อุทยานแห่งชาติฮัลลาซานสามารถมาได้ทั้งการขับรถส่วนตัว เช่นในตัวอย่างทริปนี้ของผมก็สามารถขับรถมาจอดที่ Eorimok Entrance ได้เลย ใช้เวลาขับจากตัวเมือง Jeju City ประมาณ 40 นาที แต่ถ้าขับรถส่วนตัวมาแนะนำว่าให้เดินขึ้นและลงที่จุดเดียวกันนะครับ เช่นถ้าขึ้นที่ Eorimok ก็ควรจะลงที่ Eorimok (คือใช้ Trail เส้นทางเดียวกันทั้งขาขึ้นและลงจากอุทยาน) เพราะแต่ละจุดทางขึ้นลง Trail นั้นจะอยู่ห่างไกลกันมากๆ

แต่ถ้าใครแพลนว่าจะขึ้นและลงคนละ Trail กันแนะนำว่าให้เดินทางด้วยขนส่งมวลชนอย่างรถบัสมาลงที่อุทยานแห่งชาติฮัลลาซานได้เลย โดยในทริปนี้ผมนั่งรถบัสสาย 240 จาก Jeju Bus Terminal มาลงที่ป้าย Eorimok Entrance (어리목입구삼거리) ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. แล้วเดินต่ออีกประมาณ 20 นาทีเพื่อไปถึง Eorimok Entrance ครับ

ตารางรอบรถบัสสาย 240

แต่ถ้าใครจะเดินทางด้วยรถบัส ขอแนะนำให้มาเช็ครอบรถกันก่อนที่ Jeju Bus Terminal นะครับ เพราะรถจะออกแค่ชั่วโมงละรอบเท่านั้น ซึ่งเวลาก็อาจจะมีการปรับเปลี่ยนไปในแต่ละฤดูกาลครับ เพราะถ้ามาเลทก็บอกได้เลยว่าต้องรออีกเป็นชม.เลยครับ

บัสสาย 240 Jeju Intercity Bus Terminal-Jeju Convention Center
ป้ายรถบัสสาย 240 อยู่ภายใน Bus Terminal ประตู 7

เริ่มต้น Hike ที่ Eorimok Trail

รถบัสจะวิ่งบนถนนสาย 1100 ให้เรามาลงที่ป้าย ออริมกอิพกู (어리목입구) ก็จะเห็นป้ายทางเข้าอุทยานแห่งชาติฮัลลาซานแบบนี้ครับ

ป้ายทางเข้าอุทยาน
ป้ายรถบัส ออริมกอิพกู

เมื่อลงจากรถบัสแล้วเราจะต้องเดินต่อไปเพื่อเข้าอุทยานอีกนะครับ ใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาทีได้ เส้นทางเดินจะมี Trail แยกออกมาและได้ชื่นชมกับบรรยากาศใบไม้ปลี่ยนสีสวยงามสองข้างทางครับ

เมื่อมาถึง Eorimok Entrance ก็จะมีจุดให้เราได้พักเข้าห้องน้ำ เตรียมตัวเข้าอุทยานกัน แต่ที่นี่จะไม่มีของขายใดๆ นะครับ ควรจะเตรียมมาจากในเมืองเลย ที่สำคัญคือเราควรจะถ่ายรูปเที่ยวรถบัสขากลับรวมถึงเวลาเข้าออกอุทยานเก็บไว้ด้วยครับ เพราะทางอุทยานก็จะมีกฎให้นักท่องเที่ยวทุกคนต้องออกจากอุทยานก่อนพระอาทิตย์ตกด้วยครับ

Eorimok Entrance
รอบรถบัสไป-กลับ Jeju City จากป้ายต่างๆ ออกตรงเวลาเป๊ะ

รอบของรถบัสสาย 240 ขากลับเมือง Jeju City (ล่าง) ซึ่งเป็นภาษาเกาหลีครับ ผมดูรอบรถบัสขากลับจาก Yeongsil Trail ไว้คือช่วงเวลาประมาณ 14:36 ซึ่งจะช่วยทำให้เราแพลนเวลาที่จะใช้ระหว่างการ Hike ได้ดีมากขึ้นครับ

Eorimok Valley

เมื่อเราเดินเข้ามาตาม Trail ได้แปบนึงเราก็จะผ่าน Eorimok Valley (어리목계곡) ซึ่งเป็นจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดจุดหนึ่งของอุทยานแห่งชาติฮัลลาซานเลย สะพานที่อยู่ในรูปมีชื่อเรียกว่า ออริมก มกกโย (어리목 목교) นะครับ เป็นไฮไลท์ของ Eorimok Trail นี้เลย

หลังจากนั้นเราเดินขึ้นเขากันต่อ ทางจะเริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ และต้องใช้แรงในการค่อยๆ เดินขึ้นเขาอยู่พอสมควรครับ แต่ทางดีเดินได้สบายหายห่วงเลย ผมเดินต่อไปถึง Sajebidongsan (사제비동산) ถึงจะเริ่มเห็นทางที่ไม่ค่อยชันมากแล้วครับ ซึ่งระหว่างทางจะมีจุดให้เราสามารถหยุดแวะพักได้เรื่อยๆ เลยนะครับ

ระหว่างทางจะมีป้ายบอกตลอดว่าเราอยู่ตรงไหนของ Trail แล้ว

และผมก็เดินขึ้นมาถึงอีกจุดของ Eorimok Trail ก็คือ Masedongsan (마세동산) ถึงตรงนี้เราจะเริ่มเห็นจุดชมวิววิตเซโอรึมของฮัลลาซานแล้วนะครับ และได้เห็นพืชหลากหลายพันธุ์แปลกๆ ที่เราไม่เคยเห็นที่ไทยมาก่อนด้วยครับ

ขึ้นมาแล้วก็แวะถ่ายรูป 1 แช๊ะ
จาก Masedongsan เห็น Volcano Cone วิตเซโอรึมจากไกลๆ แล้ว

จากมาเซดงซันเราจะต้องเดินต่ออีกประมาณ 1.5km เพื่อไปถึงจุดพักใหญ่ของอุทยานแห่งชาติฮัลลาซาน นั่นก็คือ “วิตเซโอรึม เชลเตอร์” (윗세오름) นั่นเอง

จุดแวะพักที่วิตเซโอรึม (Witseoreum Shelter)

ที่วิตเซโอรึมนี้จะเป็นจุดแวะพักใหญ่ของอุทยานแห่งชาติฮัลลาซาน จะมีนักปีนเขามาแวะพักที่นี่กันมากมาย มีห้องน้ำให้เข้า แต่ไม่มีน้ำให้ล้างมือนะครับ เราจะต้องเตรียมน้ำมาล้างมือกันเอง

ช่วงที่ผมไป Hike ที่นี่มีน้องๆ เด็กนักเรียนมาปีนเขาเป็นเพื่อนร่วมทางด้วยครับ เด็กๆ และคุณครูก็มานั่งพักผ่อนกันหลังจาก Hike กันมาเหนื่อยๆ ที่วิตเซโอรึมแห่งนี้เช่นกัน

ถ่ายรูปกับป้ายวิตเซโอรึม 1 แช๊ะ

และถ้าใครมาถึงวิตเซโอรึมแล้วต้องอย่าลืมมาถ่ายรูปกับป้ายที่จุดนี้นะครับ เพราะบริเวณนี้อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1,700 เมตรแล้ว

ลงจากภูเขาฮัลลาซานที่ Yeongsil Trail

จากวิตเซโอรึมเราสามารถเดินขึ้นเขาต่อขึ้นไปเพื่อไปดู Peak View Point ของฮัลลาซานได้อีกนะครับ ขึ้นไปอีกประมาณ 2 km แต่เราอยากจะรักษาเวลาเพื่อลงเขาไปให้ทันรอบรถบัสที่ผมวางแผนไว้ช่วงบ่าย เราเลยจะเลี้ยวลงจากเขาผ่านเส้นทางของ Yeongsil Trail ได้จากจุดนี้ได้เลย

เลี้ยวขวาจากวิตเซโอรึมเพื่อลงเข้าที่ Yeongsil Trail

ทางลงเขาของ Yeongsil Trail ช่วงแรกนั้นจะเดินง่ายมากครับ เป็นทางราบเสียเป็นส่วนใหญ่ เมื่อมองกลับไปก็ยังจะมองเห็นวิวของวิตเซโอรึมสวยๆ แบบนี้อยู่เลย

Witseoreum จาก Yeongsil Trail

พอเราเดินลงไปเรื่อยๆ ก็จะมาถึงส่วนที่เป็น Byeongpungbawi (병풍바위) พยองพุงบาวี ซึ่งจะเป็นภูเขาที่มีลักษณะเป็นหิน (คำว่า bawi ภาษาเกาหลีแปลว่าหินครับ) ซึ่งทางก็จะเป็นหินค่อนข้างแหลมและชันพอสมควรครับ ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินดีๆ เลยนะครับ

แต่เมื่อมองดูวิวจากจุดนี้แล้วก็จะพบว่าวิวสวยมาก เราจะได้เห็นภูเขาที่เรียงตัวเป็นชั้นหินสวยๆ แบบนี้เลยครับ

Byeongpungbawi in Yeongsil Trail
แวะถ่ายรูปที่จุดนี้อีก 1 แช๊ะ

เส้นทางลงเขาในช่วงนี้ค่อนข้างชันครับ ทางอุทยานจะมีการทำเชือกไว้ให้เราคอยจับเพื่อให้เดินได้สะดวกมากยิ่งขึ้นตลอดสองข้างทาง แนะนำให้จับไว้ตลอดเลยครับ เพราะหินค่อนข้างก้อนใหญ่และมีโอกาสที่เราจะก้าวพลาดและล้มได้เลย

และช่วงนี้เราก็จะเริ่มเห็นใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ อีกครั้งครับ ธรรมชาติที่นี่ได้รับการดูแลและรักษาไว้อย่างดีจริงๆ แต่ช่วงที่ผมไปในโซนนี้ใบไม้ร่วงไปค่อนข้างเยอะแล้ว ฝั่ง Eorimok ดูจะเป็นจุดที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีสวยกว่าในความเห็นส่วนตัวนะครับ

ช่วงที่เป็น พยองพุงบาวี นี้จะค่อนข้างยาวครับ ประมาณ 1.5 km นักท่องเที่ยวจะต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินค่อนข้างมากครับ ทำให้ใช้เวลาในการเดินลงนานพอสมควร

ใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ ประปรายในช่วงนี้ครับ

และแล้วผมก็เดินกลับลงมาถึงที่ Yeongsil Entrance เป็นที่เรียบร้อยครับ

Yeongsil Entrance

ที่ Yeongsil Entrance ตรงนี้จะแตกต่างกับ Eorimok Entrance ตรงที่ว่าที่นี่จะมี Office ด้วยครับ มีเจ้าหน้าที่อุทยานคอยให้คำแนะนำ มีห้องน้ำ รวมถึงร้านสะดวกซื้อให้เราสามารถซื้อของเพื่อเตรียมไปเดิน Hike ได้ด้วยครับ (สำหรับคนที่มาขึ้นทาง Yeongsil Trail)

จาก Yeongsil Management Office ตรงนี้ผมจะต้องเดินลงไปอีกประมาณ 25 นาทีเพื่อไปขึ้นรถบัสกลับ Jeju City ที่ป้ายยองชิลอิพกู (Yeongsil Entrance) ซึ่งระหว่างที่เดินลงก็จะมีใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ ให้เราได้ชมวิวได้ตลอดสองข้างทางช่วยให้เราหายเหนื่อยจากการ Hiking ได้ดีเลยครับ

และผมก็เดินลงมาถึงป้ายรถบัส Yeongsil Entrance เพื่อรอรถบัสสาย 240 สายเดียวกับขามาเพื่อเดินทางกลับ Jeju City ใช้เวลาอีกประมาณ 50 นาทีนะครับ ซึ่งผมเช็ครอบรถบัสไว้ตอน 14:36 และรถบัสก็มาถึงป้ายตรงเวลาเป๊ะมากๆ เลยครับ

ป้ายรถบัสกับวิวสวยๆ ที่ Yeongsil
บัสสาย 240 ที่พาเรากลับ Jeju City กันครับ มาถึงตรงเวลาเป๊ะ

สรุป

ก็เป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่ผมได้มีโอกาสมา Hiking ในต่างประเทศที่อุทยานแห่งชาติฮัลลาซานเลยนะครับ ในการมา Hike ครั้งนี้เดินไปทั้งหมด 8.46 km ได้ Elevation Gain ไปถึง 701 เมตรเลยครับ และอากาศก็กำลังดีเลยนะครับ ประมาณ 10 องศา เหมือนจะหนาวแต่เมื่อเรา Hike ไปนานๆ แล้วกำลังดีเลยครับ ทางอุทยานแห่งชาติฮัลลาซานก็บอกว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่มา Hike ที่นี่ก็คือช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายนของทุกปี เพราะอากาศกำลังดีและมีใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามมากๆ ใครที่แวะมาเที่ยวเกาะเชจูถ้ามีโอกาสก็อย่าลืมมาลองสัมผัสธรรรมชาติอันสวยงามที่ Hallasan National Park กันดูนะครับ Happy Hiking!

--

--

No responses yet