รีวิวเที่ยวฮาคุบะ (Hakuba) เดิน Trekking ไปบึงฮัปโปะ (Happo Pond) 2 วัน 1 คืน

Traitanit Huangsri
5 min readAug 24, 2024

--

สวัสดีครับ บทความตอนนี้จะมารีวิวการไปเที่ยวเมืองฮาคุบะ (Hakuba) 2 วัน 1 คืนกัน โดยในทริปนี้เราเดินทางจากเมือง Matsumoto มายังเมือง Hakuba ด้วยรถไฟและเที่ยวรอบๆ เมืองฮาคุบะ 2 วัน 1 คืนและได้ไปเดิน Trekking ขึ้นไปเที่ยวจุดท่องเที่ยว Landmark ของเมืองนี้นั่นคือ “บึงฮัปโปะ (Happo Pond)” มาด้วย ถ้าใครที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ ชมวิวภูเขาสวยๆ สามารถมาเที่ยวตามกันได้เลยครับ

รู้จักเมืองฮาคุบะ (Hakuba) กันก่อน

Hakuba เป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนากาโนะ (Nagano) ประเทศญี่ปุ่น เป็นจุดหมายปลายทางที่มีชื่อเสียงมากสำหรับการมาทำกิจกรรมกลางแจ้ง (Outdoor Activities) ทั้งในฤดูหนาวและฤดูร้อน ที่นี่เคยเป็นเมืองที่เป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 1998 มาแล้ว ดังนั้นเมืองนี้จึงเป็นเมืองที่มีลานสกีที่ขึ้นชื่อมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นเลย แต่ไม่ใช่เฉพาะกีฬาฤดูหนาวที่เป็นที่นิยมเท่านั้น แต่ในช่วงฤดูร้อนเมือง Hakuba แห่งนี้ก็ยังมีกิจกรรมให้เราสามารถเลือกทำได้หลากหลาย ทั้งการมาเดินปีนเขา (Trekking) ก็มีเส้นทางปีนเขาหลากหลายเส้นทางที่น่าสนใจ หรือแม้กระทั่งการมาปั่นจักรยานเสือภูเขา (Mountain Bike) ก็ได้รับความนิยมสูงเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าเป็นเมืองแห่งการมาทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่างแท้จริง สายกิจกรรม เดินป่า ปีนเขาห้ามพลาดมาเยือนเมืองฮาคุบะแห่งนี้กันซักครั้งนะครับ

การเดินทางมา Hakuba

JR Azusa Line (Limited Express) Credit: https://en.wikipedia.org/wiki/Azusa_(train)

การเดินทางมายังเมือง Hakuba สามารถมาได้หลายวิธี ทั้งการขับรถเช่ามาเอง หรือจะนั่งรถไฟหรือรถบัสก็มีให้เลือกหลากหลายเส้นทาง โดยในรีวิวบทความนี้ผมเดินทางจากเมือง Matsumoto มายังเมือง Hakuba ด้วยรถไฟ JR Oito Line ซึ่งวิ่งตรงจากเมือง Matsumoto ใช้เวลาเดินทางราวๆ 2 ชม. เพราะเป็นรถไฟสาย Local Train จอดทุกสถานี แต่ถ้าใครที่อยากจะประหยัดเวลาสามารถเลือกขึ้นรถไฟสาย JR Azusa Line จากสถานี Shinjuku โตเกียวมาลงที่ Hakuba โดยตรงได้เช่นกัน แต่จำนวนรอบต่อวันจะค่อนข้างน้อย ใช้เวลาเดินทางจากโตเกียวประมาณ 3 ชม. 40 นาที

Alpico Bus ที่วิ่งมาลงที่ Hakuba ได้

หรือถ้าใครไม่อยากนั่งรถไฟนานๆ การนั่ง Highway Bus ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สะดวกเช่นกัน โดยเราสามารถนั่งบัสตรงโตเกียว เช่นสถานี Tokyo, Shinjuku หรือแม้กระทั่งตรงจากสนามบิน Narita, Haneda มาที่ Hakuba ได้เลยเช่นกัน โดยจะเป็นรถบัสของบริษัท Alpico Kotsu ที่ให้บริการตรงจากโตเกียวมาได้เลย สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมรถบัสได้ที่ https://www.alpico.co.jp/th/timetable/hakuba/

Day1: เที่ยวรอบเมือง Hakuba ในวันฝนตกฉ่ำ

JR Hakuba Station

ผมเดินทางมาเที่ยวเมือง Hakuba ในช่วงฤดูร้อนเดือนก.ค.ปี 2024 ซึ่งเป็นเดือนที่มีปริมาณฝนตกเฉลี่ยสูงสุดในรอบปี และแน่นอนว่าวันที่มาก็มีฝนตกตลอดทั้งวันเลย ทำให้วันแรกของการเที่ยวต้องมีการปรับเปลี่ยนแพลนไปมากพอสมควรเนื่องด้วยสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ดังนั้นถ้าใครที่จะมาเที่ยว Hakuba ในฤดูร้อนแบบผมก็อย่าลืมเช็คสภาพอากาศก่อนเดินทางกันด้วยนะ ยิ่งในช่วงฤดูร้อนจะมีโอกาสฝนตกค่อนข้างบ่อยครับ

อัตราสถิติฝนตกเฉลี่ยของเมือง Hakuba ตลอดทั้งปี
อัตราสถิติหิมะตกโดยเฉลี่ยตลอดปี

และในช่วงตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมไปจนถึงกลางเดือนเมษายน เมือง Hakuba จะมีโอกาสเกิดหิมะตกค่อนข้างมาก (โดยเฉพาะเดือนมกราคมที่มีหิมะตกสูงที่สุด) ถ้าใครที่วางแผนที่จะมาเที่ยวเมือง Hakuba เช่นจะมาเล่นสกีต่างๆ ในช่วงฤดูหนาว เมือง Hakuba ก็เป็นอีกหนึ่งที่ๆ นักสกีมักจะมาเล่นกันเพราะเนื่องด้วยมีหิมะตกที่ค่อนข้างมากในช่วงนี้ครับ

แพลนเดิมในวันแรกของผมตอนแรกตั้งใจว่าจะนั่ง Gondola ขึ้นไปเที่ยวชม Hakuba Iwatake Mountain Resort แต่พอฝนตกหนักตลอดทั้งวันทำให้ต้องเปลี่ยนแผน เพราะฝนตกทำให้มองไม่เห็นวิวอะไรเลย ถ้าใครที่มา Hakuba ในวันที่อากาศแจ่มใสอย่าลืมขึ้นไปเที่ยวที่นี่กันนะครับ ไว้ผมจะกลับมาซ้ำใหม่อีกครั้งในวันที่อากาศดีกว่านี้

วันแรกที่ Hakuba จึงกลายเป็นการเดินเที่ยวรอบๆ ตัวเมือง Hakuba เราไปสำรวจกันว่ามีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง

ทงคัตสึร้าน Chitose

ข้าวหมูทอด Tonkatsu ร้าน Chitose, Hakuba

มื้อกลางวันของวันแรกนี้ผมแวะมากินข้าวหมูทอดทงคัตสึที่ร้านที่มีชื่อว่า “Chitose” ซึ่งไม่เกี่ยวกับเมือง Chitose บนเกาะฮอกไกโดแต่อย่างใด ร้านนี้มีการเปิดเป็นเวลา ช่วงอาหารกลางวันจะเปิดตั้งแต่เที่ยงถึง 13:30 บ่ายโมงครึ่งเท่านั้น ส่วนรอบเย็นก็จะเปิดสั้นๆ ตั้งแต่ 18:00–20:00 หยุดทุกวันอังคาร เรียกได้ว่าเวลาเปิดทำการนั้นสั้นมากๆ เป็นร้านที่ส่วนใหญ่คนโลคอลที่นี่มากิน ไม่ค่อยเห็นนักท่องเที่ยวมากินเลย เมนูที่ร้านก็จะมีให้เลือกตั้งแต่ข้าวหมูทอดทงคัตสึแบบเนื้อสันนอก/สันใน หรือจะเป็นเนื้อสัตว์แบบอื่นก็มีเช่น ไก่, กุ้งเป็นต้น รสชาติคืออร่อยมาก ราคาก็ไม่แพงครับ ใครที่ชอบกินข้าวหมูทอดทงคัตสึแวะมาลองชิมกันได้ครับ

เดินเล่นในร้าน Outdoor Gear

Montbell, Hakuba

หลังจากทานอาหารเสร็จก็ได้เวลาเดินย่อยอาหาร เนื่องจากฝนตกเลยต้องหาที่ไปเดินช็อปปิ้งแทน ที่เมือง Hakuba แห่งนี้มีร้านขายอุปกรณ์สำหรับกิจกรรม Outdoor หลากหลายยี่ห้อมากๆ ตั้งแต่ Montbell, The Northface, Patagonia, Snowpeak อยู่ใกล้ๆ กันหมดเลย วันนี้ผมเดินมาที่ร้าน Montbell สาขา Hakuba ซึ่งตั้งอยู่ชั้นบนของ Hakuba Bus Terminal ที่นี่มีสินค้า Outdoor Equipment จำหน่ายเยอะมากๆ ทั้งเสื้อผ้า Hiking, รองเท้า หรืออุปกรณ์ accessories ที่ต้องใช้ในการเดิน trekking คือมีครบเลย ถ้าใครที่เป็นสายช็อปแล้วอยากจะมาหาอุปกรณ์ Trekking ก็คือที่นี่มีครบเลย มาช็อปกันได้

Oide Park

Oide Park ในวันที่ฝนตก

ผมเดินย้อนกลับลงมาท่ามกลางสายฝนลงมาบริเวณสถานีรถไฟ JR Hakuba Station เพื่อจะเลยไปจุดชมวิวที่ขึ้นชื่อของเมือง Hakuba นั่นก็คือ Oide Park แต่เนื่องด้วยสภาพอากาศที่ฝนตกหนักทำให้บรรยากาศกลายเป็นผู้ประสบภัยกับวิวของแม่น้ำอันเชี่ยวหลากแทน 55+ ไว้มีโอกาสต้องกลับมาซ้ำที่นี่ใหม่ให้ได้ครับ ยิ่งถ้าเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิที่นี่จะเห็นต้นซากุระบานสวยงามมากๆ เลยนะครับ

อย่างน้อยก็มีดอกไม้บานสวยๆ ให้ดูข้างทางนะครับ
ศาลเจ้า Hirakawa Shrine และ Hakubamura Gokoku Shrine

ผมเดินเล่นไปเรื่อยๆ ผ่านไปจนถึงศาลเจ้า Hirakawa Shrine และ Hakubamura Gokoku Shrine ซึ่งเป็นศาลเจ้าชินโตของชุมชนคนเมือง Hakuba ตัวศาลเจ้าถูกออกแบบอย่างเรียบง่ายและงดงามตามแบบฉบับของศาลเจ้าชินโต มีโครงสร้างที่ทำจากไม้ซึ่งได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี บริเวณรอบๆ ศาลเจ้ามีต้นไม้ใหญ่และธรรมชาติที่สวยงาม

วิวจากหมู่บ้านในเมือง Hakuba

เดินถัดออกจากศาลเจ้า เราจะเห็นวิวจากหมู่บ้านชุมชนของเมือง Hakuba วิวที่นี่สวยงามมากๆ ครับ ฟีลเหมือนเราไปยุโรปเลย

Day2: เดิน Trekking ขึ้นไปชมวิวบึงฮัปโปะ (Happo Pond)

หลังจากวันแรกที่ Hakuba ของเรามีฝนตกตลอดทั้งวัน วันที่ 2 นี้ผมจะไปเดิน Trekking เพื่อขึ้นไปชมวิวบึงฮัปโปะ (Happo Pond) หรือในภาษาญี่ปุ่นที่เรียกกันว่า “Happo-ike” โดยผมออกจากที่พักตั้งแต่เช้าเพราะดูพยากรณ์อากาศแล้วว่าฝนจะกลับมาตกอีกครั้งในช่วงบ่าย ทำให้ต้องรีบทำเวลาขึ้นไปให้ทันตั้งแต่ช่วงเช้าและลงมาให้ทันก่อนที่ฝนจะตก

วิธีการขึ้นไปเที่ยว Happo Pond นั้นเราจะเดินจาก Hakuba Bus Terminal ไปที่ “Happo Gondola Station” เพื่อซื้อตั๋วนั่ง Lift ขึ้นไป 3 ชั้น ค่าตั๋วรวมไปกลับ 3,300 เยนครับ

Happo Gondola Lift Ticket
Happo Gondola Station

หลังจากซื้อตั๋วแล้วเราก็มาขึ้น Gondola กัน โดย Gondola ที่เราขึ้นมามีชื่อว่า “Gondola Adam” เป็นกระเช้าที่มีที่นั่งมีประตูปิดเหมือน Cable Car ทั่วไป ใช้เวลาเดินทางราว 10 นาทีก็มาถึงจุดชมวิว Usagidaira แล้วครับ

Usagidaira

หลังจากลงจาก Gondola แล้วเราเดินมาอีกนิดนึงก็จะเป็นจุดชมวิว Usagidaira เพื่อเตรียมขึ้นลิฟต์ชั้นถัดไปที่เรียกว่า Alpen Quad Lift เป็นลิฟต์แบบนั่งที่เหมือนกับที่ใช้สำหรับเวลาเราขึ้นไปสกีตาม Ski Resort เลยครับ

Alpen Quad Lift เพื่อขึ้นไปยัง Kurobishidaira

หลังจากนั่งลิฟต์มาได้ 7–8 นาทีเราก็มาถึง Kurobishidaira ซึ่งบริเวณนี้เป็นจุดชมวิวอีกจุดที่สวยงามเช่นกัน บนความสูง 1,680 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล

Kurobishidaira

จาก Kurobishidaira ให้เราเลี้ยวซ้ายเพื่อไปขึ้นลิฟต์ตัวสุดท้ายกัน ไม่ต้องกลัวหลงนะครับ เพราะจะมีป้ายบอกทางอยู่เรื่อยๆ เลย

ป้ายบอกทางไปขึ้น Grat Lift

ลิฟต์ตัวสุดท้ายนี้มีชื่อว่า Grat Quad Lift เป็นลิฟต์แบบนั่งแบบสกีเช่นกัน

Grat Quad Lift

วิวระหว่างนั่งลิฟต์ขึ้นมาต้องบอกว่าสวยงามมากๆ ครับ อากาศก็เย็นสบายมาก ถึงแม้ว่าจะมาในฤดูร้อน แต่สภาพอากาศข้างบนนี้อยู่ที่ 20 องศาต้นๆ เองครับ ไม่ร้อนเลย

หลังจากลงจาก Grat Quad Lift แล้วก็ได้เวลาที่ต้องพึ่งตนเอง เดิน Trekking ขึ้นไปชมวิวบึงฮัปโปะกันแล้วครับ แนะนำถ้าใครที่จะมาก็ควรสวมรองเท้า Trekking มานะครับ รองเท้า Sneaker อาจจะพอเดินได้ แต่เนื่องจากมีหินค่อนข้างเยอะและอาจจะลื่นได้ รวมถึงในกรณีที่มีฝนตก การมีรองเท้า Trekking ที่กันน้ำก็จะช่วยให้การเดินของเราราบรื่นได้ดีกว่า และอย่าลืมเตรียมเสื้อกันลมมาด้วย เพราะอากาศด้านบนมีลมพัดค่อนข้างแรงมากๆ ครับ

ระหว่างทางที่เราเดิน Trekking นั้นก็จะได้เห็นวิวของ Happo-ike Sanso อันสวยงาม นอกจากนี้ก็ยังมีดอกไม้นานาพันธุ์บานสะพรั่งให้เราได้ดูกันอีกด้วย

ทุ่งดอกไม้ระหว่างทาง
Happo Cairn

สำหรับใครที่รู้สึกว่าจะเดินไหวไหม ผมคิดว่าเดินได้ทุกคนนะครับ ทางค่อนข้างดี ไม่ชันมาก ค่อยๆ ไต่ระดับความสูงขึ้นไป และมีจุดให้แวะพักข้างทางอยู่เรื่อยๆ คุ้มค่า วิวสวยเหนื่อยแน่นอน

ทางเดิน Trekking ขึ้น Happo Pond
จุดแวะพักบน Happo Hiking Trail

ผมใช้เวลาเดิน Trekking แบบเดินไปแวะถ่ายรูปไปราวๆ 1 ชม.ครึ่งก็มาถึงบึงฮัปโปะ (Happo Pond) แล้วครับ ต้องบอกเลยว่าสวยงามมากๆ แต่น่าเสียดายนิดนึงที่วันนี้มีเมฆครึ้มไปนิดนึง ทำให้มองเห็นวิวภูเขาของ Happo ได้ไม่ชัดเต็มที่ซักเท่าไร แต่แค่นี้ก็สวยงามมากๆ หายเหนื่อยเลยครับ

Imori Shrine Okusha
บึงฮัปโปะ (Happo Pond)
วิวจากขอบบึงฮัปโปะ น้ำใสมาก
วิวบริเวณบึงฮัปโปะ

หลังจากเต็มอิ่มกับการชมวิวบน Happo Pond แล้วผมก็เริ่มเดินกลับลงไปทางเดิม ก็พบว่าพอเริ่มสายแล้วมีนักท่องเที่ยวเริ่มขึ้นมากันเยอะมากๆ ดังนั้นก็แนะนำสำหรับใครที่มาเที่ยวที่นี่ ควรมาแต่เช้าเพราะจะได้เห็นวิวแบบคนไม่เยอะมากครับ และควรเช็คสภาพอากาศก่อนขึ้นมาให้ดี เพราะช่วงที่ผมเดินลงก็เริ่มมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องอีกแล้ว

สรุป

เป็นการเดินทางมาเที่ยวเมือง Hakuba 2 วัน 1 คืนที่น่าจดจำมากๆ ได้เป็นผู้ประสบภัยฝนตกหนักในวันแรก แต่ก็ยังพอสามารถเดินเที่ยวชมวิวในเมืองได้บ้าง และได้เดิน Trekking ขึ้นมาชมวิวบึงฮัปโปะ (Happo Pond) สวยงามอย่างใจหวัง คุ้มค่ากับการเดินทาง ก็อยากแนะนำถ้าใครมีโอกาสมาเที่ยวแถวๆ จังหวัดนากาโนะลองมาเที่ยวชมธรรมชาติสวยๆ ที่เมืองฮาคุบะแห่งนี้ได้ รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนครับ ส่วนตัวผมถ้ามีโอกาสก็อยากจะกลับมาเที่ยวเมืองนี้อีกซักครั้งเพื่อเก็บตกในสถานที่เที่ยวที่ยังไม่ได้ไปเช่น Iwatake Mountain Resort ในสภาพอากาศที่ดีกว่านี้ ในตอนต่อไปผมจะออกจากเมือง Hakuba เพื่อไปเที่ยวเมือง Nagano กัน ฝากติดตามกันด้วยนะครับ Happy Travel!

--

--