รีวิวเที่ยวคังนึง (Gangneung) เกาหลีใต้คนเดียว 4 วัน 3 คืน ไปเที่ยวไหนดี? EP.2 (ตอนจบ)

Traitanit Huangsri
5 min readMay 25, 2024

--

มาต่อกันที่ตอนที่ 2 ตอนสุดท้ายของรีวิวไปเที่ยวเมืองคังนึงคนเดียวของผม จากความเดิมในตอนที่แล้วเราได้ไปตระเวนเที่ยวทั้ง Gangmun Beach, Gyeongpoho Lake, BTS Bus Stop, Jumunjin Fish Market และ Ojukheon House กันมาแล้ว สำหรับใครที่เพิ่งมาอ่านบทความนี้เป็นครั้งแรกสามารถย้อนกลับไปอ่านตอนที่แล้วแบบเต็มๆ ได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้เลยครับ

มาถึงในตอนนี้เราจะไปเที่ยวกันต่อในวันที่สองในคังนึง ผมเดินทางออกจากบ้านโอจุกฮอน(Ojukheon House) ด้วยรถเมล์ต่อไปยัง Arte Museum Valley, Gangneung กันครับ

Arte Museum Valley, Gangneung

Arte Museum Valley Gangneung

Arte Museum คือพิพิทภัณ์ศิลปะแบบ Digital Immersive ที่มีการจัดแสดงอยู่ทั่วโลก เช่น กรุงโซล, Dubai, Las Vegas, Busan, Hong Kong เป็นต้น ที่นี่จะมีนิทรรศการศิลปะที่จะจำลองพาให้เราเข้าไปเยี่ยมชมแบบใกล้ชิดเหมือนตัวเราหลุดเข้าไปอยู่ในอีกโลกนึงเลย

ที่ Arte Museum Valley ที่เมืองคังนึงแห่งนี้มีการจัดนิทรรศกาลแสดงงานศิลปะแบบดิจิตอลทั้งหมด 18 รูปแบบด้วยกันโดยจะเน้นไปที่การสะท้อนถึงลักษณะของเมืองคังนึง จังหวัดคังวอน ที่ตั้งอยู่รายล้อมไปด้วยเทือกเขาเพ๊คดูซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคฝั่งตะวันออกของประเทศเกาหลีใต้เลย

โดย Arte Museum Valley ที่คังนึงนี้ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 1,500 พยอง (หรือประมาณกว่า 5,000 ตารางเมตร) อยู่บริเวณใกล้ๆ กับทะเลสาบคยองโพโฮที่เราไปวิ่งมาเมื่อเช้าเลยครับ โดยการเข้าชมนิทรรศกาลศิลปะที่นี่จะมีค่าเข้าชม 17,000 วอนต่อคนนะครับ

และนี่คือตัวอย่างของนิทรรศกาลศิลปะที่จัดแสดงอยู่ที่เมืองคังนึงแห่งนี้ ต้องมาดูด้วยตาตัวเองจริงๆ เพราะมันสวยมากๆ ครับ

Flower Cosmos
SUN
Live Sketchbook Valley

แนะนำว่าถ้าใครชอบเสพงานศิลปะแล้วถ้ามีโอกาสมาเที่ยวเมืองคังนึงก็อย่าพลาดแวะมาที่ Arte Museum Valley, Gangneung แห่งนี้ครับ

Day 3: Snowy Day in Gangneung

ผมตื่นเช้ามาในเช้าวันที่สามในเมืองคังนึง ต้องประหลาดใจเพราะเช้านี้มีหิมะตกครับ ทั้งที่เป็นช่วงปลายเดือนมีนาคมแล้ว แต่ที่เมืองคังนึงแห่งนี้ก็จะมีโอกาสที่จะมีหิมะตกได้อยู่เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่มีความเย็นพัดลงมาจากตอนบนและมีภูเขาล้อมรอบเมืองทำให้เมืองคังนึงแห่งนี้มีอากาศที่ค่อนข้างหนาวเย็นตลอดทั้งปี

Coffee Cupper Museum, Gangneung หิมะตก

พอหิมะตกทำให้การเดินทางต่างๆ รวมถึงแพลนการท่องเที่ยวของผมต้องปรับพอสมควรเลย เนื่องจากการเที่ยวในสถานที่ Outdoor ก็อาจจะไม่ค่อยเหมาะแล้วเพราะพยากรณ์อากาศบอกว่าหิมะจะตกทั้งวัน

Haslla Art World

ที่เที่ยวแรกที่ผมจะเดินทางไปวันนี้คือ Haslla Art World (하슬라아트월드) หรือในภาษาเกาหลีที่ออกเสียงว่า “ฮาซึลลา อาทือวอลดื่อ” ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะและสวนประติมากรรมที่ตั้งอยู่ในเมืองคังนึง สถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่ให้ศิลปินแสดงผลงานและผู้เข้าชมได้สัมผัสกับศิลปะในบรรยากาศธรรมชาติ โดยมีการจัดแสดงผลงานศิลปะทั้งในร่มและกลางแจ้ง

นั่งรถเมล์ไปยัง Haslla Art World
บรรยากาศสองข้างทางไป Haslla Art World มีหิมะตกหนัก

ผมเดินทางจากที่พักในย่าน Gangmun Beach ด้วยรถเมล์สองต่อใช้เวลาเดินทางราว 1 ชม.จึงเดินทางมาถึงยัง Haslla Art World ที่นี่ตั้งอยู่บนภูเขาริมทะเลตะวันออกของเมืองคังนึงเลยครับ และช่วงที่มาถึงก็มีหิมะตกอยู่ตลอดเวลา เล่นทำเอาเดินทางลำบากอยู่พอสมควรเลยครับ

และแล้วผมก็มาถึงที่ Haslla Art World พร้อมกับหิมะที่ยังตกโปรยปรายอยู่เรื่อยๆ อากาศวันนี้ประมาณ 0–1 องศาเท่านั้นครับ หนาวมากๆ การเข้าชมผลงานศิลปะของที่นี่จะมีค่าเข้าชมคนละ 17,000 วอน แต่ต้องบอกเลยว่าคุ้มค่ามาก เพราะมีมุมถ่ายรูปกับผลงานศิลปะตามจุดต่างๆ ที่เค้าจัดไว้ให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกันเพียบครับ

รถเมล์ที่ให้บริการมายัง Haslla Art World

รถเมล์ที่จะให้บริการวิ่งจากใจกลางเมืองคังนึงมายัง Haslla Art World จะมีเพียง 4 สายนี้เท่านั้น และมีรอบให้บริการที่ไม่ถี่มาก ผมจำได้ว่ามีให้บริการชั่วโมงละคันได้ครับ เพราะฉะนั้นควรจะเช็คตารางเวลาเดินรถให้ดีก่อนออกเดินทาง จะได้ไม่ต้องยืนรอรถเมล์นานจนเกินไปครับ

ทางเข้า Haslla Art World
บริเวณทางเข้า Museum

เมื่อซื้อตั๋วเข้าชมพิพิทธภัณฑ์แล้วเราจะได้ตั๋วพร้อมคูปองส่วนลดที่สามารถนำไปใช้ในร้านอาหารและคาเฟ่ที่อยู่ภายใน Haslla Art World ได้ครับ

ที่ Haslla Art World แห่งนี้จะแบ่งโซนการเข้าชมงานศิลปะแยกตามแต่ละชั้น ซึ่งจะมีป้ายให้เราเดินตามทางขึ้นลงชั้นต่างๆ ได้เลย ซึ่งขอยกตัวอย่างโซนงานศิลปะที่สำคัญๆ ไว้ดังนี้ครับ

ABIGI Gallery
Modern Art Gallery
Modern Art Gallery-II
Sky Walk
PINOCCHIO MAERIONETTE MUSEUM
Sky Walk
Modern Art Gallery 3
Sky Walk

ส่วนตัวแล้วผมชอบตรงบริเวณ Sky Walk ตรงนี้ที่สุดเลยครับ เพราะเป็นทางเดินที่ยื่นออกไปให้เราได้มองเห็นวิวทะเลแบบชัดมากๆ สวยสุดๆ เสียดายอย่างเดียวที่มีหิมะตกทำให้ท้องฟ้าไม่ใสอย่างที่อยากเห็นครับ และอากาศก็หนาวสุดๆ ไปเลยเพราะลมพัดแรงมากจนมือถือที่ผมตั้งไว้เพื่อถ่ายรูปถูกลมพัดจนตกลงไปด้านล่างเลย ยังโชคดีที่มือถือจอไม่แตกและยังใช้งานได้ปกติอยู่ ตกใจมากครับตอนนั้น 55+ ถ้าใครจะเดินขึ้นไปบริเวณนี้แนะนำให้เตรียมเสื้อกันหนาวกันลมไว้ด้วยก็ดีครับ เพราะอากาศเย็นและลมพัดแรงมาก

หลังจากเดินเที่ยวจนเกือบครบทุกโซน หิมะก็ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ จนผมต้องเข้ามาหลบในคาเฟ่ของ Museum ครับไม่ไหว ทั้งหนาวทั้งเปียกไปหมดเลย

Haslla Art World เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจในศิลปะและต้องการสัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติในเวลาเดียวกัน ถ้าใครชอบเสพงานศิลปะและอยากถ่ายรูปสวยๆ ลง Instagram ก็แนะนำที่นี่เลยครับ

ไปเที่ยวต่อที่ Sandglass Park — Jeongdongjin

หลังจากเที่ยวชมงานศิลปะที่ Haslla Art World เสร็จแล้ว ผมนั่งรถเมล์ต่อจากที่นี่ไปลงยังย่าน Jeongdongjin ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกที่ของเมืองคังนึง

Sandglass Park

Sandglass Park หรือสวนสาธารณะนาฬิกาทราย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในย่านจองดงจิน (Jeongdongjin) เมืองคังนึง เป็นนาฬิกาทรายที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่มีความสูงประมาณ 8.06 เมตร และมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3.2 เมตร นาฬิกาทรายนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่ และทรายภายในจะใช้เวลา 1 ปีในการไหลจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง เป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวมาชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่มีชื่อเสียงที่หนึ่งของประเทศเกาหลีใต้ ด้วยวิวที่สวยงามของหาด Jeongdongjin ที่สวยงามและเงียบสงบ ในช่วงวันขึ้นปีใหม่ของทุกปีก็จะมีนักท่องเที่ยวมารอชมพระอาทิตย์แรกของปีบริเวณแห่งนี้เป็นจำนวนมาก

Jeongdongjin Time Museum

บริเวณใกล้ๆ กับ Sandglass Park ก็มี Jeongdongjin Time Museum ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เน้นเกี่ยวกับเวลาและนาฬิกา ที่นี่มีการจัดแสดงที่หลากหลายเกี่ยวกับการวัดและการบอกเวลา ทำให้เป็นสถานที่ที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่สนใจในเรื่องของเวลาและประวัติศาสตร์ของนาฬิกา ถ้าใครที่สนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของนาฬิกาก็สามารถมาเที่ยวชมพิพิทธภัณฑ์แห่งนี้ได้

ทานมื้อกลางวันกับเมนูท้องถิ่นขึ้นชื่ออย่างซุนดูบูจิเก

มื้อกลางวันของวันนี้ ผมแวะทานร้านอาหารท้องถิ่นแถวๆ Jeongdongjin ซึ่งแถวนี้ก็จะมีร้านอาหารไม่เยอะแต่เมนูที่ขึ้นชื่อของย่านนี้ก็คือซุปเต้าหู้อ่อน หรือซุนดูบูจิเก

ซุนดูบูจิเกของร้าน Haedoji อร่อยดีครับ

ซุนดูบูจิเกที่ผมเลือกไปทานวันนี้คือร้าน ​Haedoji อยู่ใกล้ๆ กับ Sandglass Park ในย่าน Jeongdongjin นี้ อร่อยดีครับ เต้าหู้มาแบบเป็นชิ้นนุ่มกำลังดี และราคาก็ไม่แพงด้วย เซตนี้ 9,000 วอนเท่านั้น

หลังจากท้องอิ่มแล้วผมก็ไปเดินย่อยอาหารบริเวณชายฝั่งทะเลหาด Jeongdongjin ซึ่งจะมีรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่ดังมากในย่านนี้ เป็นรีสอร์ทติดชายทะเลดีไซน์ให้เป็นรูปเรือสำราญตั้งอยู่บนภูเขา ที่นี่ชื่อว่า “Sun Cruise Resort & Yacht” ตัวรีสอร์ทมีความยาว 165 เมตร สูง 45 เมตร มองเห็นแต่ไกลเลยครับ ถ้าใครมีโอกาสและพอจะมีกำลังเงินพร้อมก็สามารถมาจองพักที่นี่ได้ ซึ่งที่นี่น่าจะมีกิจกรรมให้ได้ทำมากมายเลยครับ ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และสนามวอลเล่ย์บอลในรีสอร์ทเลย

Sun Cruise Resort & Yacht
ชายหาด Jeongdongjin Beach

แพลนของผมทีแรกตั้งใจว่าจะไปเดิน Trail ชมวิวทะเลสวยๆ ที่ Jeongdong Simgok Sea Buchaegil Trail แต่เนื่องจากว่าหลังจากที่ผมเดินมาถึงบริเวณ Sun Cruise Resort & Yacht ก็มีหิมะตกลงมาอีกครั้ง ทำให้ผมต้องเปลี่ยนแพลนใหม่ เพราะหิมะตกลงมาเยอะมาก ทำให้ทางเดินเต็มไปด้วยหิมะเดินไม่สะดวกแน่นอน ผมเปลี่ยนแพลนเดินทางกลับไปเดินเล่นที่ตลาด Jungang Market ในเมือง Gangneung แทน

เที่ยวตลาด Gangneung Jungang Market

ผมนั่งรถเมล์จากสถานีรถไฟ Jeongdongjin Station มาลงบริเวณตลาด Jungang Market กลางใจเมืองคังนึง บริเวณทางเดินไปตลาด Jungang Market เราจะได้เจอกับถนน Wolhwa Street ซึ่งเป็นถนนคนเดินรวมร้าน Street Foods อร่อยๆ ไว้มากมาย เป็นถนนที่เคยเป็นทางรถไฟสายเก่าก่อนที่จะถูกนำมาพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในปัจจุบัน จะมีจุดให้นักท่องเที่ยวมาเดินถ่ายรูปสวยๆ ได้เยอะเลย

Wolhwa Street, Gangneung

เราสามารถเดินขึ้นตามทางขึ้นไปบริเวณด้านบนของถนนเพื่อชมวิวเมืองของคังนึงได้จากจุดนี้ด้วย ช่วงที่ผมไปเป็นช่วงบ่ายแก่ๆ ใกล้เวลาพระอาทิตย์ตกพอดี บรรยากาศดีมากๆ ครับ

หลังจากเดินเล่นที่บริเวณ Wolhwa Street เรียบร้อยแล้ว ผมก็ได้เวลาไปเดินตลาด Jungang Market จริงๆ ซะที ที่ตลาดแห่งนี้เป็นตลาดท้องถิ่นของเมืองคังนึงเลยก็ว่าได้ มีทั้งอาหารสด และร้านอาหาร Streetfood เยอะมากๆ เมนูยอดนิยมของที่นี่ก็คือไก่ทอด Baenni Fried Chicken ซึ่งเป็นร้านไก่ทอดชื่อดังของเมืองคังนึง(คนต่อคิวซื้อเยอะมาก) และซุนแดปลาหมึก (ปลาหมึกยัดไส้) และโคโรเกะหลากหลายไส้ ผมซื้อซุนแดปลาหมึกกับโคโรเกะกลับมาทานที่ที่พักด้วย อร่อยมากครับ

ซุนแดปลาหมึก เมนูหาทานยาก ของขึ้นชื่อของตลาดแห่งนี้

เดินเลยจากตลาดท้องถิ่น Jungang Market (อ่านว่าตลาดจุงอัง) ก็จะมีถนน Shopping Street ที่รวบรวมร้าน Brand Shop ต่างๆ ให้เรามาเดินช็อปปิ้งได้เหมือนเวลาเราไปเดินแถวมยองดงที่โซลแบบนั้นเลย

ถนน Shopping Street ที่บริเวณตลาด Jungang Market

เนื่องจากวันนี้หิมะตกเยอะตลอดทั้งวัน ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวในเมืองคังนึงของผมค่อนข้างลำบาก หลังจากเดินตลาดเสร็จผมก็นั่งรถเมล์กลับไปพักที่ที่พักเลยครับ เพราะมันก็ค่อนข้างเย็นจนมืดแล้ว แถมอากาศก็ยังหนาวมากอีกด้วยครับ พวกร้านค้าต่างๆ ก็จะปิดเร็วนิดนึง

Day 4: เที่ยว Gangneung Station เล็กน้อย

วันสุดท้ายที่ Gangneung ผมจองรถไฟ KTX กลับโซลไว้รอบเช้าราวๆ 11:30am ผมมาถึงที่สถานีรถไฟก่อนเวลาค่อนข้างเยอะ ทำให้มีเวลาเดินเที่ยวสถานีรถไฟ Gangneung Station นี้เก็บตกซักเล็กน้อย สถานีรถไฟ Gangneung แห่งนี้เป็นจุดศูนย์รวมของการเดินทางฝั่งภาคตะวันออกของเกาหลีเลยก็ว่าได้ เราสามารถเดินทางต่อจากสถานีนี้ต่อไปยังเมืองต่างๆ ในภาคตะวันออกได้ ไม่ว่าจะเป็น Jeongdongjin (ที่เราไปเที่ยวมาเมื่อวาน), Donghae และเมือง Samchok ไว้ถ้ามีโอกาสผมก็อาจจะลองไปเที่ยวเมืองอื่นๆ ในโซนภาคตะวันออกนี้อีก ดูยังมีอีกหลายที่เที่ยวที่น่าไปเยี่ยมชมซักครั้งอีกหลายที่เลยครับ

เก็บตกรูปหน้าสถานี Gangneung อีกรอบ
Nuriro Train

ซึ่งรถไฟที่สามารถเดินทางต่อไปยังเมือง Jeongdongjin, Donghae ได้ก็คือรถไฟ Nuriro ซึ่งเป็นรถไฟที่คอยให้บริการแทนรถไฟมูกุงฮวาที่ปลดระวางไปเมื่อปี 2009 วิ่งเลียบชายฝั่งทะเลตะวันออกชมวิวสวยๆ ได้ด้วย ถ้าใครที่เป็นคนชอบนั่งรถไฟผมแนะนำให้มาลองใช้บริการนั่งรถไฟสายนี้ดู​น่าจะสวยไม่เบาเลย เสียดายที่ในทริปนี้แพลนของผมไม่เหมาะกับเวลาของขบวนรถไฟสายนี้ ทำให้ไม่ได้ลองนั่งเลย ไว้มีโอกาสครั้งหน้าถ้ามาคังนึงคงอยากจะลองนั่งรถไฟสายนี้ดูซักครั้งครับ

ขบวนรถไฟ Santa Train

นอกจากนี้รถไฟสาย Noriro สายนี้ยังมีการตกแต่งขบวนรถไฟเป็นธีม Chirstmas ชื่อว่า “Donghae Santa Train” เพื่อพัฒนาเป็นรถไฟสายท่องเที่ยวของเมืองคังนึง มีให้บริการแค่บางวันเท่านั้น ให้บริกาารจากสถานี Gangneung ไปถึงสถานี Buncheon ซึ่งอยู่บริเวณทะเลฝั่งตะวันออกของเกาหลี ก็เป็นอีกหนึ่งขบวนรถไฟสายท่องเที่ยวที่น่าไปลองนั่งดูซักครั้ง

สรุป

และนี่เป็นทริป 4 วัน 3 คืนในคังนึงของผม ก็มีโอกาสไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆของเมืองคังนึงหลายที่เลย ตั้งแต่ Gangmun Beach, Gyeongpoho Lake, BTS Bus Stop, Jumunjin Fish Market, Ojukheon House, Arte Museum Valley, Haslla Art World, Sandglass Park, Jumunjin Beach และตลาดท้องถิ่นอย่าง Jungang Market ซึ่งจริงๆ เมืองคังนึงก็ยังมีที่เที่ยวอีกหลายที่ที่น่าไป โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นฉากถ่ายทำซีรีส์เกาหลีดังๆ หลายๆ เรื่องก็มาถ่ายทำกันที่นี่ ถ้าใครที่เป็นสายตามรอยซีรีส์ก็น่ามาลองเที่ยวเมืองนี้ดูซักครั้ง การเดินทางก็สะดวกครับ มีรถเมล์ให้บริการไปถึงหมด หรือถ้าใครมาหลายๆ คนก็สามารถเช่ารถขับก็อาจจะทำให้การเดินทางสะดวกมากขึ้น ซึ่งถ้ามาจากโซลก็สามารถนั่งรถไฟความเร็วสูง KTX ตรงมาได้เลย ใช้เวลาแค่ 2 ชม. เท่านั้น ไว้มีโอกาสผมอาจจะมาเที่ยวเมืองอื่นๆ รอบๆ คังนึงนี้อีกครับ Happy Travel!

--

--