รีวิวสายการบิน Emirates บินไปฮ่องกงด้วย Airbus A380 เครื่องบินที่ลำใหญ่ที่สุดในโลก

Traitanit Huangsri
4 min read1 day ago

--

สวัสดีครับ บทความนี้จะเป็นการเดินทางไปเที่ยวฮ่องกงของผมอีกครั้ง โดยในทริปนี้ผมเดินทางด้วยสายการบิน Emirates ซึ่งเป็นการใช้บริการสายการบิน Emirates ครั้งแรกของผมเลย และที่สำคัญยังมีโอกาสได้บินกับเครื่องบินโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Airbus A380–800 อีกด้วย จะคุ้มค่าคุ้มราคาไหม ลองมาติดตามกันได้ในบทความนี้เลยครับ

การเดินทางวันนี้ BKK-HKG

รู้จักสายการบิน Emirates กันหน่อย

สายการบิน Emirates เป็นหนึ่งใน 2 ของสายการบินยักษ์ใหญ่ของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates หรือ UAE) มีฐานการบินอยู่ที่เมือง Garhoud, Dubai สายการบินเอมิเรตส์เป็นสายการบินเชิงรัฐวิสาหกิจ กล่าวคือมีรัฐบาลดูไบเป็นเจ้าของร่วมกับบริษัทแม่คือ The Emirates Group ซึ่งเป็นของ Investment Corporation of Dubai (ICD) หรือกองทุนความมั่งคั่งแห่งรัฐดูไบ

สายการบินเอมิเรตส์ก่อตั้งเมื่อปีค.ศ. 1985 โดยได้รับเงินการลงทุนเริ่มต้นจากรัฐบาลดูไบ แต่บริหารงานในเชิงพาณิชย์โดยไม่มีการอุดหนุนจากรัฐ กล่าวคือดำเนินงานแบบธุรกิจเอกชน แข่งขันแบบตลาดเสรีกับสายการบินอื่นๆ ทั่วโลก

สายการบินเอมิเรตส์ไม่ได้เป็นสมาชิกพันธมิตรสายการบินดังๆ ของโลกอย่าง Star Alliance, OneWorld หรือ ​SkyTeam แต่อย่างใด แต่ก็เป็น Partner กับสายการบินใหญ่ๆ ทั่วโลกมากมายเช่น Korean Air, การบินไทย, Air Canada, Japan Airlines เป็นต้น ซึ่งหมายความว่ามีเที่ยวบินของ Emirates ที่มี Codeshare กับสายการบินพันธมิตรต่างๆ เหล่านี้ด้วย

ปัจจุบันสายการบินเอมิเรตส์มีฝูงบินสำหรับเที่ยวบินโดยสารถึง 252 ลำ และยังมีเที่ยวบินคาร์โกอีกกว่า 13 ลำ มีเส้นทางการบินไปถึง 133 จุดหมายปลายทางรอบโลกทั้ง 6 ทวีปเลย โดยมีฐานการบินหลักอยู่ที่ดูไบ แต่ก็มีบางเที่ยวบินที่ออกเดินทางจากประเทศที่ 2 โดยใช้สิทธิ์ Fifth Freedom of Flight เช่นเที่ยวบินกรุงเทพ-ฮ่องกงที่เราจะรีวิวกันในบทความนี้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสายการบินยักษ์ใหญ่ของโลกเลยก็ว่าได้

การจองตั๋วเครื่องบิน

เราสามารถจองตั๋วเครื่องบินของสายการบิน Emirates ได้หลากหลายเส้นทาง ทั้งการจองตรงผ่านเว็บไซต์ของสายการบิน https://www.emirates.com หรือจะจองผ่าน Online Travel Agency (OTA) ต่างๆ ก็ได้เช่นกัน เช่นในการเดินทางของผมครั้งนี้ผมจองเที่ยวบินผ่าน Lazada Travel ได้รับส่วนลดเยอะมากครับ ถ้าใครยังไม่เคยลองใช้บริการดูได้ (ผมไม่ได้รับค่าสปอนเซอร์แต่อย่างใดในการจองตั๋วเครื่องบินครั้งนี้)

การเดินทาง

Flight: EK384

Route: Bangkok (BKK) — Hong Kong (HKG)

Departure Time: 1:45 pm

Arrival Time: 5:40 pm

Duration: 2 Hours 55 Minutes

Aircraft: Airbus A380–800 (A6-EDU)

Class: Economy

เคาน์เตอร์เช็คอินของ Emirates ที่ Row T

การเช็คอินของสายการบิน Emirates เราสามารถทำการเช็คอินออนไลน์ผ่านทางแอพพลิเคชัน Emirates ได้ก่อนเวลาเดินทาง 24 ชั่วโมง ซึ่งผมได้ทำการเช็คอินออนไลน์มาเรียบร้อย เมื่อมาถึงที่สนามบินสุวรรณภูมิก็ตรงไปที่เคาน์เตอร์เช็คอินแถว T เพื่อเข้าแถว Online Check-in เพื่อทำการโหลดกระเป๋าได้เลยครับ ซึ่งคิวจะน้อยกว่าแถวที่มาเช็คอินที่เคาน์เตอร์เช็คอินที่สนามบินนะครับ แนะนำให้เช็คอินออนไลน์มาก่อนล่วงหน้าก็จะลดเวลาที่สนามบินไปได้มาก

เข้าช่อง Online Check-in เพื่อโหลดกระเป๋าได้เลย

หลังจากเช็คอินและโหลดกระเป๋าแล้ว เราก็จะได้ Boarding Pass มาซึ่งสายการบิน Emirates จะ Boarding ที่ Satellite Gate (S-Gate) ที่สนามบินสุวรรณภูมิ จะต้องนั่งรถไฟข้ามไปยัง S-Gate อย่าลืมเผื่อเวลานั่งรถไฟไปที่เกทกันด้วยนะครับ

Boarding Pass ขึ้นเครื่องที่ Satellite Gate

เมื่อผ่านด่านตรวจ Security Check และผ่านตม.ออกมายังเกทแล้วให้เรานั่งรถไฟเพื่อมารอขึ้นเครื่องที่อาคารผู้โดยสารใหม่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ (Satellite Gate) วันนี้ Boarding ที่เกท S117 ครับ

S117 Gate ที่เราจะขึ้นเครื่องกันวันนี้

และเนื่องจากว่าเป็นเที่ยวบินที่ใช้เครื่องบินที่ลำใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Airbus A380–800 จึงทำให้เที่ยวบินนี้จะเริ่มบอร์ดดิ้งผู้โดยสารเร็วกว่าปกติ เนื่องจากมีผู้โดยสารค่อนข้างมากกว่า 500 ที่นั่ง ทำให้เที่ยวบินนี้จะเริ่มบอร์ดดิ้งก่อนเวลาออกเดินทาง 50 นาที (จากปกติที่เที่ยวบินทั่วไปจะบอร์ดดิ้งก่อนเวลาเดินทาง 30 นาที) ดังนั้นต้องเผื่อเวลามาขึ้นเครื่องด้วยนะครับ

Airbus A380–800 ของ Emirates

เมื่อมาถึงเราก็จะเห็น Airbus A380–800 มาจอดรอรับผู้โดยสารขึ้นเครื่องแล้ว ลำใหญ่มากๆ เพราะเป็นเครื่องบินโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลก จุผู้โดยสารได้มากขึ้น 557 ที่นั่ง (ทั้งนี้ขึ้นกับ Configuration ของคลาสตั๋วในแต่ละลำด้วย)

วันนี้เที่ยวบินของเรา Boarding Delayed ไปราวๆ 30 นาทีเนื่องจากใช้เวลาในการตรวจสอบระบบความปลอดภัยต่างๆ บนเครื่องนานกว่าปกติเล็กน้อยครับ

แผนผังที่นั่งชั้นประหยัดของ A380–800 ของ Emirates

ถึงเวลาขึ้นเครื่องกันแล้ว Airbus A380–800 ของ Emirates ในชั้นประหยัด (Economy) จัดเรียงที่นั่งแบบ 3–4–3 มี Leg Room (Seat Pitch) ค่อนข้างกว้าง 32–34 นิ้ว นั่งสบายมากครับ ไม่มีเข่าติดแน่นอน วันนี้ผมนั่งแถว H ที่นั่งริมทางเดินครับ

ทุกที่นั่งในชั้นประหยัดจะมีหมอน ผ้าห่ม หูฟัง และหน้าจอความบันเทิงบนเครื่องบินหรือ ICE (Information, Connectivity and Entertainment) ซึ่งต้องบอกเลยว่าจัดเต็มมากๆ ทั้งหนัง ซีรีส์ เพลง และ Spotify Playlist ให้เราเลือกฟัง Podcast ได้มากมาย เป็นสายการบินที่ผมรู้สึกว่าระบบความบันเทิงจัดเต็มที่สุดแล้ว นอกจากนี้ยังมี LIVE TV On Board ให้เราสามารถดูทีวีสดๆ บนเครื่องบินได้ด้วย มีทั้งหมด 4 ช่องคือ Sport24 (ถ่ายทอดสดกีฬา), BBC World News (ข่าวภาคภาษาอังกฤษของอังกฤษ) CNN International (ข่าวภาคภาษาอังกฤษของอเมริกา) และ Sky News Arabia (ข่าวภาคภาษาอาหรับ) ดูเพลินมากครับ

นอกจากนี้บนเครื่องก็ยังมีสินค้าปลอดภาษีจำหน่ายระหว่างเดินทางด้วย สามารถเลือกดูสินค้าได้จาก Catalog ในกระเป๋าหน้าที่นั่งของผู้โดยสาร

หลังจาก Boarding กันครบแล้ว กัปตันก็เริ่มนำเครื่อง Push Back และ Taxi เพื่อนำเครื่อง Take Off อย่างนิ่มนวล

เที่ยวบิน EK384 นี้เป็นเที่ยวบินที่มีต้นทางจากดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์​ มาแวะรับส่งผู้โดยสารที่กรุงเทพฯ​และบินต่อไปยังปลายทางยังฮ่องกง ถือเป็นเที่ยวบินที่ใช้สิทธิ์ “Fifth Freedom Flight” หรือเสรีภาพในการขนส่งผู้โดยสารไปยังประเทศที่ 3 เช่นในเที่ยวบินนี้บินจากดูไบ — กรุงเทพฯ​ — ฮ่องกง เป็นการรับส่งผู้โดยสารจากเมืองที่ไม่ใช่ต้นทางนั่นคือกรุงเทพฯ ไปยังประเทศที่ 3 นั่นคือฮ่องกง โดยสายการบินที่ไม่ได้ Based ที่กรุงเทพฯ​อย่าง Emirates (ซึ่ง Based ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์นั่นเอง)

อาหารวันนี้ ข้าวราดแกงเขียวหวาน ส้มตำ และข้าวเหนียวมะม่วง

หลังจากเครื่องไต่ระดับความสูงได้ที่และสัญญาณรัดเข็มขัดดับลง ลูกเรือก็เริ่มเสิร์ฟอาหารกัน เป็นมื้อกลางวันวันนี้เป็นเมนู ข้าวราดแกงเขียวหวานแบบไทย ส้มตำ และขนมหวานเป็นข้าวเหนียวมะม่วง อร่อยมากสุดๆ ครับ ถูกปากคนไทยอย่างเราแน่นอน

Selfie ในห้องน้ำบน EK384

หลังจากทานข้าวเสร็จก็ออกเดินสำรวจห้องน้ำบนเครื่องกันหน่อย ห้องน้ำสะอาดและค่อนข้างกว้างเมื่อเทียบกับสายการบินอื่นๆ นะครับ และเนื่องจากเป็นเครื่องลำใหญ่ก็จะมีจำนวนห้องน้ำให้เข้าเยอะหน่อย แต่ผู้โดยสารเยอะก็จะมีคิวหน่อยๆ ครับ

เที่ยวบินนี้ใช้ระยะเวลาในการเดินทางสั้นๆ เพียง 2 ชม. นิดๆ เราก็ถึงฮ่องกงแล้ว ดังนั้นลูกเรือก็จะต้องรีบเสิร์ฟรีบเก็บหน่อยครับ เพราะจะต้องเผื่อเวลาตอน Landing อีกประมาณ 30–40 นาทีด้วยเพื่อความปลอดภัยครับ

ดูภาพจากกล้องขณะ Landing ได้อย่างสมจริง

เมื่อใกล้ถึงเวลา Landing เราสามารถกดดูกล้องที่หน้าจอ ICE เพื่อดูภาพจังหวะตอนที่เครื่อง Landing ได้ด้วย มีให้เลือกหลายมุมเลย ทั้งมุมกล้องด้านบน ด้านใต้ ด้านข้างของเครื่องบิน เรียกได้ว่าประสบการณ์เหมือนเรานั่งอยู่ใน Cockpit ของนักบินเลย Aviation Geek แบบผมก็คือชอบมากครับ

เราใช้เวลาเดินทางเพียง 2 ชม.นิดๆ กัปตันก็ลดระดับและนำเครื่อง Landing ที่สนามบินนานาชาติฮ่องกง (​Hong Kong International Airport) อย่างปลอดภัย ก็เป็นการเดินทางที่แสนสุดสบายและประทับใจมากมายครับ

ข้อที่อาจจะต้องพึงระวังสำหรับการเดินทางด้วย Airbus A380 ก็คือเราจะต้องเผื่อเวลาทั้งตอนที่ Check-in โหลดกระเป๋า, Boarding และรวมถึงตอนที่รอรับกระเป๋าที่สนามบินปลายทางด้วย เนื่องจากมีจำนวนผู้โดยสารจำนวนมากถึง 500 กว่าที่นั่งทำให้จะใช้เวลาในการรอกระเป๋านานกว่าปกตินิดนึงครับ

สรุป

เป็นการเดินทางที่แสนสบายและน่าประทับใจมากๆ สำหรับสายการบิน Emirates ที่เป็นสายการบินฟูลเซอร์วิสระดับโลก แถมยังใช้เครื่องบินขนาดใหญ่อย่าง A380–800 ในการทำการบินได้อย่างนุ่มนวล การบริการบนเครื่องและระบบความบันเทิงต่างๆ ก็ไม่มีที่ติและขอบอกอีกครั้งว่าเป็นระบบที่ผม Enjoy ที่สุดตั้งแต่นั่งเครื่องบินมาเลยครับ ถ้าใครมีโอกาสอยากลองใช้บริการสายการบิน Emirates เที่ยวบิน EK-384 กรุงเทพฯ-ฮ่องกงนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ด้วยราคาที่ไม่แพงและใช้เวลาในการบินไม่นานอีกด้วยครับ ไว้ถ้ามีโอกาสผมก็จะกลับมาใช้บริการสายการบิน Emirates อีกแน่นอน Happy Travels!

--

--

No responses yet