รีวิวลุยเดี่ยวเที่ยวคิวชูญี่ปุ่น 10 วัน 9 คืนโดยใช้ JR Kyushu Pass และ SunQ Pass EP.5
มาถึงตอนที่ 5 ของทริปลุยเดี่ยวเที่ยวคิวชูคนเดียว 10 วัน 9 คืนของผม หลังจากในตอนที่แล้วเราเดินทางจากจังหวัดโออิตะแวะเที่ยวภูเขาไฟ Aso แล้วก็มาพักกันที่เมือง Kumamoto ในตอนนี้ผมจะออกเดินทางจากเมือง Kumamoto ไปยังเมือง Takachiho จังหวัด Miyazaki กัน โดยยังใช้พาสรถบัสเหมาๆ SunQ Pass เดินทางได้เหมือนเดิมครับ ตอนนี้ถือเป็นไฮไลท์การเที่ยวภูมิภาคคิวชูของผมเลย และสำหรับใครที่เพิ่งมาอ่านบทความนี้เป็นครั้งแรกและอยากจะย้อนกลับไปอ่านตอนก่อนหน้า สามารถอ่านได้จากลิ้งค์ด้านล่างนี้เลยครับ
Day 7: การเดินทางไปเที่ยวเมือง Takachiho
เราสามารถเดินทางไปเที่ยวเมือง Takachiho ได้หลายวิธีด้วยกัน
- ขับรถ: สามารถขับมาได้จากหลายทางทั้งจากเส้น Fukuoka I.C, Miyazaki I.C, Beppu I.C, Yufuin, Kurukawa Onsen และ Aso แต่ละเส้นทางก็จะใช้ระยะเวลาการเดินทางแตกต่างกันไป ถ้ามาจาก Aso น่าจะใกล้และใช้เวลาน้อยที่สุดครับ
- รถบัสและรถไฟ: สามารถนั่งรถบัสหรือรถไฟจาก Hakata, Kagoshima มาลงที่ Kumamoto แล้วต่อรถบัสมาลงที่ Takachiho ได้ (บัสใช้เวลาราว 3 ชม.) หรือถ้าใครมาจากฝั่ง Miyazaki, Oita ก็สามารถนั่งรถไฟมาลงที่สถานี Nobeoka แล้วต่อบัสมาลงที่ Takachiho ได้เช่นกัน (รถบัสใช้เวลาประมาณ 1 ชม.ครึ่ง)
ผมเลือกเดินทางจากเมืองคุมาโมโตะไป-กลับยังเมือง Takachiho จังหวัด Miyazaki ด้วยรถบัส โดยจะมีวันละ 2 รอบเท่านั้น (ไปและกลับอย่างละรอบ) และเป็นบัสที่จะต้องจองที่นั่งเท่านั้น ผมได้จองที่นั่งมาจาก Hakata Bus Terminal เป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ควรจองล่วงหน้าเพราะมีผู้โดยสารเดินทางไปเที่ยวแต่ละวันค่อนข้างเยอะ)
รถบัสจะออกเดินทางจาก Sakuramachi Bus Terminal เวลา 09:22am เราสามารถมารอขึ้นรถบัสได้ที่ Gate หมายเลข 6 ได้เลย ซึ่งจะมีป้ายเขียนบอกชัดเจนว่าเป็นจุดรอรถบัสไป Takachiho โดยรถบัสของเราจะมีปลายทางที่ Nobeoka จังหวัด Miyazaki ครับ รถบัสมาตรงเวลามากๆ ควรเผื่อเวลามารอรถด้วยนะครับ เวลาของบัสอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตามฤดูกาล สามารถอัพเดตข้อมูลและตารางสายรถบัสได้ที https://www.miyakoh.co.jp/express/aso.html ครับ
เมื่อถึงเวลาบัสก็มาจอดรอรับผู้โดยสารที่เกท ผมเตรียมตั๋วที่นั่ง(ระบุที่นั่ง)แสดงกับคนขับรถแล้วก็ขึ้นไปนั่งบนรถได้เลย ถ้าใครที่มีกระเป๋าเดินทางก็สามารถโหลดเข้าใต้รถได้เลยครับ
ที่นั่งบนบัสกว้างขวางนั่งสบาย จัดที่นั่งแบบ 2–2 มีช่องวางขวดน้ำ พอร์ต USB สำหรับชาร์ตมือถือและมี Free WiFi ให้บริการตลอดการเดินทาง ดีมากๆ ครับ ให้บริการโดยบริษัท Kyushu Sanko Bus เหมือนกับที่เดินทางมาจาก Beppu เมื่อวานเลยครับ
เส้นทางการเดินทางออกจาก Sakuramachi Bus Terminal ไปทางภูเขาไฟ Aso และรถบัสจะหยุดแวะพักที่จุดพักรถ Takamori 1 ครั้งก่อนจะออกเดินทางต่อไปยัง Takachiho Bus Center (Miyakoh Bus Center) ใช้เวลาเดินทางราว 3 ชม. 12 นาที
และแล้วเราก็เดินทางมาถึงที่ Takachiho Bus Center เมื่อถึงแล้วตอนลงรถบัสให้เรานำตั๋วที่นั่งที่จองไว้ส่งให้คนขับพร้อมโชว์ SunQ Pass ก็เป็นอันเรียบร้อย
ที่นี่เป็นท่ารถบัสเล็กๆ ในเมือง Takachiho ซึ่งจุดหมายปลายทางของเราในวันนี้ก็คือ “Takachiho Gorge” ซึ่งเราสามารถต่อ Taxi จาก Takachiho Bus Center ไปได้ หรือถ้าใครมาคนเดียวแบบผมก็แนะนำให้เดินไปได้ครับ ใช้ระยะเวลาประมาณ 20 นาทีถึงครับ (ระยะทางราว 2km) แต่ในช่วงเทศกาลที่มีนักท่องเที่ยวปริมาณมาก จะมีรถ Shuttle Bus พิเศษคอยรับส่งผู้โดยสารไปตามจุดท่องเที่ยวต่างๆ ในเมือง Takachiho มีค่าใช้จ่าย 200 เยน (จ่ายด้วยเงินสดเท่านั้น) และเนื่องจากรถ Shuttle Bus จะไม่มีให้บริการทุกวัน สามารถเช็คตารางรถบัสได้ที่ลิ้งค์นี้เลยครับ
ผมเดินจาก Takachiho Bus Center มาถึง Takachiho Gorge ต้องบอกเลยว่าคุ้มค่าเหนื่อยเลย เพราะวิวที่นี่สวยงามมากๆ
รู้จัก Takachiho Gorge กันหน่อย
Takachiho Gorge คือช่องเขาที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟอะโซะรวมกัน 4 ครั้งเมื่อหลายแสนปีที่แล้ว หน้าผาของช่องเขามีความสูงเฉลี่ย 80 เมตร จุดที่สูงที่สุดหน้าผาสูงกว่า 100 เมตร ลักษณะของช่องเขาเป็นรูปตัว ‘V’ ยาวกว่า 7 กิโลเมตรทอดยาวจากฝั่งตะวันออกสู่ฝั่งตะวันตก
นอกจากนี้ที่ Takachiho Gorge ก็ยังมีการสร้างทางเดิน (Walking Path) ยาวกว่า 1 กิโลเมตรให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมวิวธรรมชาติอันสวยงาม เช่นน้ำตกมานาอิ (Manai Waterfall) ซึ่งเป็นหนึ่งในน้ำตกติดอันดับท๊อป 100 น้ำตกที่สวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
Takachiho Gorge ถูกกำหนดให้เป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติของประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ปีค.ศ. 1934 และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติโซโบะ-คะตะมูกิ (Sobo-Katamuki National Park) ตั้งแต่ปีค.ศ. 1965
โดยปกติที่นี่จะมีเรือให้เราสามารถเช่าเพื่อพายชมวิวบนแม่น้ำโกคาเซะได้ แต่เนื่องจากวันที่ผมไปน้ำขึ้นสูงทำให้บริการเช่าเรือหยุดให้บริการด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยครับ ถ้าใครมีโอกาสเดินทางไป Takachiho Gorge แล้วอย่าลืมไปเช่าเรือพายกันนะครับ สามารถจองเรือล่วงหน้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ https://takachiho-kanko.info/en/boat_kagura/ มีค่าใช้จ่าย 5,100 เยนต่อลำ นั่งได้ไม่เกิน 3 คนต่อลำครับ แต่ควรจะเช็คสถานะการให้บริการล่วงหน้าจะได้ไม่เสียเที่ยวนะครับ
ที่ Takachiho Gorge บริเวณลานจอดรถก็จะมีของที่ระลึกขายกับนักท่องเที่ยวให้เราซื้อกลับไปเป็นที่ระลึกได้ สินค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของเมือง Takachiho แห่งนี้เลย ผมเดินไปมาจนรู้สึกหิวเลยไปซื้อไอติม Matcha ชาเขียวมากิน ก็อร่อยดีครับ
สำหรับใครที่จะขับรถมาที่นี่ ต้องบอกไว้ก่อนว่าที่จอดรถมีค่อนข้างจำกัด แนะนำให้มาแต่เช้าในช่วงที่นักท่องเที่ยวไม่เยอะมากน่าจะยังพอมีที่จอดรถเหลืออยู่บ้างครับ โดยที่จอดรถจะมีให้บริการ(เสียเงิน)อยู่เพียง 3 จุดเท่านั้นคือ Oshioio Parking (ค่าจอด 500 เยนใกล้จุดเช่าเรือสุด), Araragi Parking (ค่าจอด 300 เยน) และ Ohashi Parking (จอดฟรีแต่อยู่ไกลสุด)
ผมใช้เวลาที่ Takachiho ราว 2–3 ชม. อย่างเต็มอิ่ม ตอนนี้เริ่มหิวแล้ว ต้องบอกเลยว่าที่เมือง Takachiho นี้มีร้านอาหารค่อนข้างน้อย แล้วก็มีการเปิดเป็นเวลาด้วยครับ มีการปิดเพื่อหยุดพักช่วงบ่ายด้วย ตอนนั้นราวบ่าย3แล้ว ผมเลือกที่จะเดินไปหาซื้อของกินที่ Takachihogamadase Market ซึ่งเป็น Farmer’s market ของเมือง Takachiho โชคดีที่ยังไม่ปิด ที่นี่มีสินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของเมืองขายมากมายเลย ผมซื้อไก่ทอด กับกับ Craft Beer ท้องถิ่นของเมืองเลย
หลังจากอิ่มท้องแล้วก็เดินเที่ยวกันต่อครับ ผมแวะไปเที่ยวศาลเจ้า Takachiho-jinja Shrine มาด้วยครับ ซึ่งเป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโตที่อยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้สูงใหญ่ บรรยากาศสงบร่มรื่นมากๆ ครับ ผู้คนมักจะมาขอพรในเรื่องเกี่ยวกับการแต่งงานความรักต่างๆ กันมากครับ
หลังจากเยี่ยมชมศาลเจ้า Takachiho-jinja Shrine แล้วผมยังพอมีเวลาเหลืออยู่นิดหน่อยเลยเดินชมวิวเมือง Takachiho ได้อีกนิดหน่อย ผมเดินผ่านเจอร้านสะดวกซื้อยี่ห้อ Yamazaki ด้วย เพิ่งเคยเห็นว่า Yamazaki ไม่ได้ขายแค่ Bakery ที่เราคุ้นเคยอย่างเดียว แต่เค้ายังมีธุรกิจร้านสะดวกซื้อในญี่ปุ่นด้วยนะ ตั้งชื่อร้านว่า “Daily Yamazaki” ผมก็เพิ่งเคยเห็นที่นี่ที่แรก เลยถ่ายรูปเก็บไว้หน่อยครับ ด้านในของมีของขายทั่วไปทั้งอาหาร ขนม ของใช้ต่างๆ เหมือนร้านสะดวกซื้อทั่วไป แต่ก็มีสินค้าที่เป็น Bakery ของ Yamazaki ขายด้วย ผมซื้อเค้กชาเขียวมากิน อร่อยดีครับ (สงสัยข้าวกลางวันไม่อิ่มครับ 55+)
ผมเดินเล่นไปเรื่อยจนไปถึงสถานีรถไฟ Takachiho Station ก็เพิ่งจะรู้ว่าที่เมือง Takachiho นี้มีสถานีรถไฟด้วยชื่อว่า “Takachiho Station” ให้บริการโดย บริษัท Takachiho Railway มีเส้นทางระหว่าง Nobeoka Station มายังเมือง Takachiho แต่ในปัจจุบันได้ยุติการให้บริการไปแล้ว เนื่องจากเคยเกิดพายุไต้ฝุ่นพัดเข้าฝั่งจนทำให้เส้นทางรถไฟเสียหายหนักในปี 2005 และทางรัฐไม่มีงบประมาณที่จะสามารถซ่อมแซมหรือก่อสร้างขึ้นมาทดแทนใหม่ได้ เส้นทางรถไฟนี้จึงได้ยุติลงอย่างสมบูรณ์ในปี 2019 ปัจจุบันเส้นทางรถไฟสายนี้ถูกปรับปรุงบางส่วนให้เป็นรถไฟสายท่องเที่ยวชื่อว่า “Takachiho Amaterasu Railway” ซึ่งเป็นเส้นทางให้นักท่องเที่ยวสามารถมานั่งรถไฟชมวิวเมือง Takachiho พร้อมจุดไฮไลท์ของทัวร์ก็คือรถไฟจะจอดบนสะพานเหล็ก Takachiho Iron Bridge ให้เราได้ชมวิวสวยๆ บนรถไฟได้ด้วย ถ้ามีโอกาสกลับมาเที่ยวเมือง Takachiho อีกครั้งก็อยากลองมานั่งรถไฟสายนี้ดูนะครับ
หลังจากเที่ยวทางรถไฟสายเก่า Takachiho Station แล้วก็ได้เวลากลับไปรอรถบัสเพื่อกลับไปยัง Kumamoto แล้วครับ ซึ่งมีรอบเดียวเท่านั้น ห้ามพลาดเด็ดขาด รถบัสจะมาถึง Takachiho Bus Center เวลา 16:47 ตรงเป๊ะ ใช้เวลาเดินทางราว 3 ชม.เช่นเคยครับ ซึ่งผมได้ทำการจองที่นั่งไว้เป็นที่เรียบร้อย เมื่อถึงเวลาก็โชว์ตั๋วที่นั่งพร้อมกับ SunQ Pass กับคนขับและก็ขึ้นไปนั่งได้เลย
ขากลับช่วงเย็นก็จะมีแวะพักหนึ่งครั้ง 15 นาทีที่เดิมที่ Takamori ที่เดียวกับขามาให้เราได้ยืดเส้นยืดสาย เข้าห้องน้ำกันครับ (บนบัสไม่มีห้องน้ำนะ)
หลังจากเดินทางได้ 3 ชม.ก็กลับมาถึง Sakuramachi Bus Terminal ที่ Kumamoto ในเวลาราว 20:00 ได้ครับ เย็นวันนี้ผมเลือกที่จะไปกินร้าน Izakaya แบบโลคอลๆ หน่อยที่ใกล้ๆ กับ Bus Terminal เลย ชื่อร้านว่า “Katsu’s House” (克の家) ร้านไม่มีภาษาอังกฤษแม้แต่ตัวเดียว เจ้าของร้านก็พูดอังกฤษแทบไม่ได้เลย เรียกได้ว่าโลคอลของจริงครับ 55+ ผมโชคดีได้เจอกับคนญี่ปุ่นที่นั่งทานอยู่ในร้านเค้าพอจะพูดภาษาอังกฤษได้เลยช่วยแปลให้ผมในการสั่งอาหารต่างๆ แถมยังช่วยแนะนำเมนูเด็ดของที่นี่ให้ผมด้วย ซึ่งก็คือ Lemon Beef Steak กะทะร้อน กินคู่กับสลัดผัก ซุปมิโซะและข้าวสวยร้อนๆ อร่อยประทับใจมากครับ ถึงขนาดคนญี่ปุ่นที่ช่วยแปลให้ก็ถามผมว่ารู้จักร้านนี้ได้อย่างไร เพราะร้านมันดูโลคอลมาก(ไม่มีคนต่างชาติเลย) ผมก็บอกเค้าว่าเราตามมาจากการเสิชใน Google Maps มา เค้าก็รู้สึกประทับใจมาก ผมก็ประทับใจเช่นกันครับ ใครที่มาเที่ยว Kumamoto สามารถไปลองชิมได้ครับ รับรองไม่ผิดหวัง
สรุป
ในตอนนี้ก็ถือเป็น One Day Trip จาก Kumamoto ไปยัง Takachiho โดยเฉพาะไฮไลท์ของทริปก็คือ Takachiho Gorge ซึ่งเป็นช่องเขาที่มีแม่น้ำ Gokase ไหลผ่านทำให้เกิดภูมิประเทศที่มีธรรมชาติอันสวยงาม ใครที่มาเที่ยวภูมิภาคคิวชูผมขอแนะนำให้มาเที่ยวที่นี่เลย ห้ามพลาด เพราะที่นี่ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ของภูมิภาคแห่งนี้เลย ลองเดินทางมาดูซักครั้งนะครับ รับรองไม่ผิดหวัง แล้วพบกันใหม่ EP. หน้าที่ผมจะไปเที่ยวปราสาท Kumamoto พร้อมกับเดินทางกลับ Fukuoka กันแล้ว ฝากติดตามด้วยครับ Happy Travel!
