รีวิวลุยเดี่ยวเที่ยวคิวชูญี่ปุ่น 10 วัน 9 คืนโดยใช้ JR Kyushu Pass และ SunQ Pass EP.4

Traitanit Huangsri
7 min readMay 4, 2024

สวัสดีครับ บทความนี้ยังคงอยู่ในซีรีส์ลุยเดี่ยวเที่ยวคิวชูญี่ปุ่นคนเดียว 10 วัน 9 คืนของผม บทความนี้มาถึงในตอนที่ 4 กันแล้ว หลังจากที่ในตอนที่แล้วผมได้ไปเที่ยวเมือง Kitakyushu และ Shimonoseki กันมาแล้ว ในตอนนี้จากเดิมที่ผมพักอยู่ที่เมืองเบปปุ จังหวัดโออิตะ ผมจะเริ่มใช้ SunQ Pass เพื่อเดินทางท่องเที่ยวในภูมิภาคคิวชูด้วยรถบัสเป็นหลักแล้ว ใครที่อยากจะลองใช้พาสท่องเที่ยวด้วยรถบัสสามารถเที่ยวตามผมกันในตอนนี้ได้เลยครับ และสำหรับใครที่เพิ่งเปิดมาอ่านรีวิวนี้เป็นครั้งแรกสามารถย้อนไปอ่าน EP ก่อนหน้านี้ได้จากลิ้งค์ด้านล่างนี้

เริ่มใช้ SunQ Pass ในการเดินทาง

SunQ Pass คือ Transportation Pass ที่สามารถใช้ขึ้นรถบัสและเรือ Ferry ภายในภูมิภาคคิวชูได้ไม่จำกัดจำนวนรอบ โดยเราสามารถใช้ขึ้นได้ทั้งรถบัสทางด่วน (Expressway Bus) ที่วิ่งระหว่างเมือง, รถรถเมล์ท้องถิ่นที่ให้บริการในเมือง (Local Bus) และเรือ Ferry ข้ามฟากระหว่างเมืองได้หลายเส้นทาง โดย SunQ Pass จะแบ่งการใช้งานเป็น 3 โซนได้แก่

SunQ Pass Northern Kyushu Area
  • Northern Kyushu Pass ใช้ขึ้นรถบัสและเรือได้ใน 5 จังหวัดตอนเหนือของคิวชู ได้แก่ฟุกุโอกะ, ซากะ, นางาซากิ, โออิตะ และคุมาโมโตะ รวมถึงชิโมโนเซกิและนากาโตะ(เรือข้ามฟาก) ใช้ได้ 3 วันติดต่อกัน
SunQ Pass Southern Kyushu Area
  • Southern Kyushu Pass ใช้ขึ้นรถบัสและเรือได้ใน 3 จังหวัดตอนล่างของคิวชูได้แก่คุมาโมโตะ, มิยาซากิ และคาโงชิมะ ใช้ได้ 3 วันติดต่อกัน
SunQ Pass All Kyushu Area
  • All Kyushu Pass ใช้ขึ้นรถบัสและเรือได้ในทุกจังหวัดในภูมิภาคคิวชู มีให้เลือกทั้งแบบ 3 และ 4 วัน โดยจะต้องใช้ติดต่อกันเท่านั้น
SunQ All Kyushu 3 Days Pass

ในการเดินทางในทริปนี้ผมเลือกซื้อ SunQ Pass แบบ All Kyushu Area แบบ 3 วัน เพราะต้องการใช้เดินทางไปเที่ยวที่เมืองทากะชิโฮ(Takachiho) จังหวัดมิยาซากิด้วยครับ(ติดตามรีวิวได้ใน EP. 5) ผมได้ทำการแลก Voucher ที่ซื้อมาจากเว็บไซต์ของ SunQ Pass ที่ Hakata Bus Terminal ตั้งแต่วันที่สองที่ผมมาถึงฟุกุโอกะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะได้พาสมาหน้าตาเป็นเล่มๆ แบบนี้พร้อมกับประทับตราวันใช้งานไว้บนหน้าบัตรเรียบร้อยครับ ซึ่งเราจะต้องใช้พาสนี้โชว์กับคนขับเมื่อขึ้นลงรถบัสทุกครั้ง

การจองตั๋วที่นั่งบนรถบัส

ผมขอแนะนำว่าเราควรจะต้องวางแผนการเดินทางในทริปของเราให้เรียบร้อยก่อน โดยเราสามารถตรวจสอบเส้นทางรถบัสรอบภูมิภาคคิวชูได้ที่เว็บไซต์ https://www.sunqpass.jp/en/area/ ได้เลย (บัสส่วนใหญ่ที่ให้บริการในภูมิภาคนี้จะใช้ SunQ Pass ได้เกือบทั้งหมด) หรือให้สังเกตสัญลักษณ์ logo SunQ Pass ด้านข้างรถเอาก็ได้ครับ

Logo ของ SunQ Pass
บัสที่มีโลโก้ SunQ Pass แบบนี้คือใช้ได้หมด

เมื่อเราไปแลก Voucher ให้เป็น SunQ Pass ตัวจริงให้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ของ Bus Terminal และให้สอบถามเค้าว่าเส้นทางใดจะต้องจองที่นั่งบ้าง เพราะการเดินทางด้วยบัสทางด่วนบางเส้นทางจะต้องจองที่นั่งก่อนออกเดินทาง ไม่สามารถใช้วิธีแค่โชว์พาสแล้วจะขึ้นบัสเพื่อใช้บริการได้ ซึ่งการจองที่นั่งก็ไม่สามารถจองได้ทุกเส้นทางใน Bus Terminal ที่เดียวอีก (แอบลำบากนิดนึง) เช่นอย่างในวันนี้ผมจะเดินทางจาก Beppu ไปลงที่ Aso Station ต้องจองที่นั่ง แต่ผมไม่สามารถจองที่นั่งมาจากที่ Hakata Bus Terminal ได้ เค้าให้เหตุผลว่าเหมือนเป็นคนละบริษัทกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่บัสแนะนำให้เราโทรจอง(ซึ่งมีแต่ภาษาญี่ปุ่น)หรือไม่ก็จะต้องจองที่นั่งออนไลน์ด้วยตัวเอง ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเรา ถ้าพูดญี่ปุ่นไม่ได้ก็แนะนำให้จองออนไลน์ด้วยตัวเองดีกว่าครับ ซึ่งสามารถทำได้ผ่านเว็บไซต์ https://www.japanbusonline.com ซึ่งเป็นเว็บจองตั๋วรถบัสออนไลน์ของคนญี่ปุ่น (เว็บมีภาษาอังกฤษรองรับ) ในบทความนี้ผมจะยกตัวอย่างการจองที่นั่งบนรถบัสออนไลน์ด้วยตัวเองจาก Beppu Station ไปลงที่ Aso Station ให้ดูเผื่อใครจะเดินทางเส้นทางนี้เหมือนกันนะครับ

  1. เข้าไปที่ www.japanbusonline.com ใส่ From (ต้นทางที่จะขึ้น) และ To (ปลายทางที่จะลง) ซึ่งถ้า Search ไม่เจอก็ให้กดปุ่ม “View all routes” แทนเอาได้ครับ เพราะบางทีระบบเสิชไม่อัพเดตเส้นทางให้ (การใช้งานมันจะงงๆ นิดนึง)
หาไม่เจอก็กดดูเส้นทางจากเมนู View all routes ได้

2. ให้เราเลือกภูมิภาค Kyushu และเลือกเส้นทาง Beppu, Oita <-> Kumamoto

3. ระบบจะโชว์เส้นทางของรถบัสมาให้ดู ซึ่งในเคสนี้ถ้าออกเดินทางจาก Beppu Station ไปลงที่ Aso Station จะมีเพียงวันละ 1 รอบเท่านั้น โดยออกเดินทางจากป้าย “Beppu Station Honmachi” และบัสจะวิ่งไปสุดที่ป้าย “Kumamoto Station Bus Stop” แต่เราจะเลือกลงก่อนที่ป้าย Aso Station เพื่อแวะเที่ยวภูเขาไฟ Aso กันก่อนครับ

เลือกเส้นทางบัสและกรอกข้อมูลส่วนตัว

4. กดปุ่ม Select เพื่อเลือกเส้นทางบัสที่เราจะจอง และเลือกป้ายที่จะขึ้น(ในเคสของผมคือ Beppu Ekimae Honmachi) และลง (Aso Station) หลังจากนั้นระบบจะให้เรากรอกข้อมูบส่วนตัว เช่น ชื่อ,อีเมลล์,ประเทศ,สัญชาติ, etc ก็กรอกให้เรียบร้อย

Accept Terms and Conditions

5. เมื่อเรากรอกข้อมูลเสร็จแล้วให้กดติ๊กที่ checkbox เพื่อ accept เงื่อนไขต่างๆ และกดปุ่ม Next ต่อไป

ได้รับ Verification Code ทางอีเมลล์ที่กรอกไว้

6. ระบบจะสร้าง Verification Code มาเพื่อให้เราไปจ่ายเงิน ส่งมาทางอีเมลล์ ถึงจุดนี้ให้เช็คว่าเราได้รับอีเมลล์มาไหม ถ้าได้ถือว่าการจองที่นั่งเราเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องไปจ่ายเงินจริงๆ นะครับ เพราะเราจะใช้ SunQ Pass ในการเดินทางนั่นเอง (เหมาจ่ายไปแล้ว)

ดูจากวิธีการจองที่นั่งก็ดูจะยากๆ หลายขั้นตอนหน่อยครับ ก็แนะนำว่าถ้าเส้นทางไหนที่เจ้าหน้าที่สามารถจองให้เราได้ก็ให้เค้าจองให้เรียบร้อยทั้งหมดเลยก็ดี แต่บางเส้นทางที่เจ้าหน้าจองที่นั่งให้ไม่ได้จริงๆ ก็ให้ใช้วิธีจองออนไลน์แบบนี้เอาครับ (ซึ่งแนะนำให้ทำการจองที่ Ticket Counter ที่ Bus Terminal เลยเผื่อว่าถ้าติดปัญหาอะไรก็จะได้ให้เจ้าหน้าที่รถบัสช่วยเหลือได้ทันทีครับ)

หลังจากที่จองที่นั่งเรียบร้อยแล้ว วิธีการขึ้นรถบัสทางด่วนก็ง่ายมากครับ ให้เราไปยืนรอที่ป้ายรถเมล์ที่จะขึ้น อย่างเช่นในวันนี้ผมจะเดินทางจากเบปปุไปยังสถานีอะโซะ(Aso Station) ต้องมาขึ้นรถบัสที่ป้าย Beppu Ekimae Honmachi เวลา 08:02 am รถบัสจะมาจอดรอรับเราก่อนเวลาเล็กน้อย ดังนั้นอย่าลืมเผื่อเวลามารอบัสอย่างน้อย 15 นาทีด้วยครับ

Day 6: ไปเที่ยวภูเขาไฟ Aso ด้วยรถบัส

Kyushu Sanko Bus มาถึงแล้ว

เมื่อบัสมาถึง คนขับก็จะมี List รายชื่อผู้โดยสารที่ได้ทำการจองที่นั่งไว้ ให้เราแจ้งชื่อเราที่จองไว้กับคนขับได้เลย และแจ้งเค้าว่าเราจะใช้ SunQ Pass เท่านี้ก็เรียบร้อยครับ เอากระเป๋าเดินทางเก็บใต้ท้องรถและเดินขึ้นไปนั่งบนบัสได้เลย สำหรับบัสที่ต้องจองที่นั่งนั้นบนที่นั่งจะมีหมายเลขที่นั่งระบุไว้อยู่ ให้เรานั่งตามหมายเลขที่นั่งที่จองไว้ แต่ถ้าบัสคันไหนไม่มีหมายเลขที่นั่งก็สามารถเลือกนั่งที่ว่างได้เลย First Come First Serve (มาก่อนได้เลือกที่นั่งก่อน)

บัสคนนี้ไม่มีเลขที่นั่งก็ใครขึ้นก่อนได้เลือกที่นั่งก่อนครับ

ที่นั่งบนบัสทางด่วนค่อนข้างกว้าง นั่งสบาย มีที่วางขวดน้ำ และยังมีปลั๊กไฟให้เราชาร์ตมือถือได้ด้วย อย่าลืมเตรียมหัวชาร์ตขึ้นรถบัสมาด้วยนะครับ นอกจากนี้ก็ยังมี Free Wifi ให้ใช้ตลอดทางด้วย สะดวกสบายสุดๆ ไปเลย

วิวระหว่างทางจาก Beppu ไป Yufuin ดีงามมาก

เส้นทางการเดินทางวันนี้ออกจากเบปปุใช้เส้นทางจาก Beppu Station — Yufuin — Kurokawa Onsen — Aso Station – Kumamoto Station Bus Stopโดยผมจะลงที่ Aso Station ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางราว 3 ชม. ครึ่ง ครับ ระหว่างทางบัสจะวิ่งขึ้นเขาไปตามถนนผ่านอุทยานแห่งชาติ Aso-Kuju National Park เป็นเส้นทางที่บรรยากาศสองข้างทางสวยงามมากๆ ครับ

จุดพักรถ Senomoto Resthouse

ระหว่างทางรถบัสจะจอดพักที่จุดพักรถ 2 ครั้งด้วยกัน ครั้งแรกที่จุดพักรถ Aso-kuju National Park Odanoike Yamasitaike บริเวณนี้มีนักปั่นจักรยานที่มาปั่นซ้อมขึ้นเขากันมาแวะพักกันตรงนี้ด้วย ผมคิดว่าบริเวณ Aso-kuju National Park นี้น่าจะเป็นจุดที่นักกีฬาจักรยานเสือภูเขามาซ้อมปั่นกัน จุดนี้จะมีห้องน้ำให้บริการแต่จะไม่มีร้านค้าอะไรเลย ส่วนจุดพักรถที่สองคือ Senomoto Resthouse บริเวณนี้จะมีทั้งห้องน้ำ ร้านค้า ร้านอาหารครบเลย สามารถแวะพักเข้าห้องน้ำแล้วหาซื้อของกินได้ด้วย ผมลองชิมไอติม Soft Serve ที่นี่ด้วย 400 เยน อร่อยดีครับ (ทริปนี้กิน Soft serve อันที่เท่าไหร่แล้วก้ไม่รู้ 55+)

เดินทางกันต่อ ระหว่างนี้เราจะเริ่มเห็นเหล่าเทือกเขา Aso รายล้อมตลอดสองฝั่งข้างทาง เป็นอะไรที่ Amazing มาก และเมื่อเราเดินทางผ่านจุดท่องเที่ยวสำคัญๆ ก็จะมีเสียงประกาศอธิบายเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านั้นให้เราฟังด้วย (มีประกาศเป็นภาษาอังกฤษ) อันนี้ผมชอบมากครับ เหมือนมีไกด์ทัวร์พาเที่ยวแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ครบเลย สมกับเป็นญี่ปุ่นจริงๆ Friendly กับนักท่องเที่ยวมาก

Aso Station

และแล้วผมก็มาถึงที่สถานีรถไฟ Aso แล้ว รถมาถึงค่อนข้างตรงเวลาตามตารางเลย ที่สถานีรถไฟ Aso จะมีจุดให้เราสามารถนำกระเป๋าเดินทางมาฝากได้นะครับ เป็นตู้แบบหยอดเหรียญ สามารถขอแลกเหรียญกับเจ้าหน้าที่ขายตั๋วรถไฟ หรือจะใช้ IC card จ่ายได้เช่นกัน ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันไปตามขนาดของกระเป๋า มีทั้งราคา 600และ 700เยน กระเป๋าเดินทางผม 26 นิ้วใส่ตู้ใหญ่สุดได้พอดี สามารถฝากได้ไม่เกิน 1 วันนะครับ ซึ่งผมก็แพลนแวะเที่ยวที่เมือง Aso ถึงช่วงเย็นๆ และค่อยรับกระเป๋าเพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองคุมาโมโตะต่อไป

นายสถานีคุมะมงที่สถานีรถไฟ Aso

หลังจากฝากกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ผมก็จะเดินทางต่อจากสถานี Aso เพื่อขึ้นไปชมปากปล่องภูเขาไฟอะโซที่ Mount Aso Nakadake Crater ด้วยรถบัส ซึ่งเราสามารถมารอขึ้นบัสโดยใช้ SunQ Pass ต่อได้เลยไม่ต้องไปซื้อตั๋วแยกนะครับ เพราะพาสสามารถใช้ขึ้นรถบัสที่ Aso ได้อยู่แล้ว ที่สถานี Aso จะมีตารางรถบัสแจกให้เราเช็คเวลาด้วย ซึ่งบัสจะจอดที่ป้ายหลักๆ 2 ป้ายคือที่ Aso Volcano Museum และ Aso Sanjo Terminal ซึ่งถ้าเราจะไปดูปากปล่องภูเขาไฟอะโซะให้ลงที่ป้าย Aso Sanjo Terminal เลยนะครับ

ตารางรอบรถบัสขึ้นไป Aso Sanjo Terminal
ตอนขึ้นบัสให้หยิบ Number Ticket ตั๋วกระดาษแบบนี้ไปด้วย
ตั๋วกระดาษพร้อม SunQ Pass เอาไว้โชว์ให้คนขับดูตอนลง

ผมเลือกที่จะขึ้นบัสรอบ 12:20 เมื่อใกล้ถึงเวลา รถบัสก็มาจอดรอรับผู้โดยสารก่อนเวลาเดินทางเล็กน้อย เมื่อขึ้นรถบัสให้เรารับตั๋วกระดาษที่เป็นตัวเลข (Number Ticket) และเดินขึ้นไปนั่งได้เลย และเมื่อถึงป้ายที่จะลงก็ให้ยื่นตั๋วกระดาษพร้อมทั้งโชว์ SunQ Pass กับคนขับได้เลยครับ ประหยัดค่าเดินทางไปได้เยอะเลย แต่ถ้าใครไม่ได้ใช้ SunQ Pass สามารถซื้อตั๋วได้ที่สถานีในราคา 1,500 บาทใช้ได้ 1 วัน

ฟาร์มเลี้ยงม้าบน Mount Aso
วิวระหว่างทางขึ้น Mount Aso

วิวระหว่างทางขึ้นไปปากปล่องภูเขาไฟ Nakadake ของ Mount Aso นั้นสวยงามดีมาก เราจะได้เห็นภูมิประเทศของกลุ่มเทือกเขาอะโซะ มีการเลี้ยงม้าอยู่บนเขาด้วย และภูเขาก็มีลักษณะเฉพาะที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟ สวยจริงๆ ครับ

Aso Sanjo Terminal

ใช้เวลาราวๆ 40 นาทีก็มาถึงป้าย Aso Sanjo Terminal ซึ่งในวันนี้โชคไม่ดีที่บนปากปล่องภูเขาไฟ Nakadake มีการปะทุทำให้เราไม่สามารถเดินขึ้นไปชมปากปล่องภูเขาไฟได้ อดไปครับ แต่เพื่อความปลอดภัยก็ดีแล้วครับ

ทางเข้า Aso Nakadake Crater ปิดด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย

ทางเข้าปากปล่องภูเขาไฟปิดเนื่องจากสภาพของภูเขาไฟที่มีโอกาสที่จะปะทุอยู่ทำให้เราต้องเที่ยวอยู่บริเวณรอบๆ ภูเขาไฟแทนครับ

รู้จัก Mount Aso กันหน่อย

ภูเขาไฟอะโซะ เป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่ยังคงครุกรุ่น(Active Volcano) ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติอะโซะกูจู (Aso-Kuju National Park) ในจังหวัดคุมาโมโตะ ภูมิภาคคิวชู มีปากปล่องภูเขาไฟนากะดาเกะ(Nakadake) ชื่อดัง มีจุดสูงสุดที่ยอดเขา Takadake ที่ความสูง 1,592 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของภูมิภาคคิวชูแห่งนี้ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนไม่ขาดสายตลอดทั้งปี

ทุ่งหญ้า Kusasenri

โดยรอบๆ ภูเขาไฟอะโซะจะเต็มไปด้วยภูมิประเทศที่เป็นเทือกเขาสูงรายล้อมอุทยานแห่งชาติอะโซะ-กูจูและก็ยังมีทุ่งหญ้าคุซาเซนรี(Kusasenri) เป็นทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟอะโซะในอดีต ตั้งอยู่บริเวณ Aso Volcano Museum พื้นที่ปกคลุมไปด้วยต้นหญ้าและมีบึงน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาสูงอะโซะ เป็นวิวที่ Amazing มากๆ ครับ

วิวทุ่งหญ้า Kusasenri
ขึ้นไปชมวิวมุมสูงบนเนินเขาของ Kusasenri ซะหน่อย
มีบริการเช่าขี่ม้าชมวิวที่ทุ่งหญ้า Kusasenri ด้วย

ผมนั่งรถบัสจาก Aso Sanjo Terminal ย้อนกลับมาลงที่ป้าย Aso Volcano Museum เพื่อเดินเที่ยวทุ่งหญ้าอันแสนกว้างใหญ่แห่งนี้ มีนักท่องเที่ยวลงไปถ่ายรูปกันมากมายเลยครับ นอกจากนี้ก็ยังมีม้าให้เราสามารถเช่าเพื่อขี่ม้าชมวิวรอบๆ ได้ด้วย

วิวจากมุมสูงของทุ่งหญ้า Kusasenri

เมื่อเดินขึ้นไปยังที่ด้านบนของทุ่งหญ้า Kusasenri เราสามารถมองเห็นปากปล่องภูเขาไฟ Nakadake ที่เราไม่สามารถขึ้นไปได้ในวันนี้ด้วย จะเห็นว่ามีควันลอยพุ่งออกมาจากปากปล่องเลย

Aso Volcano Museum

สำหรับใครที่เดินเที่ยวที่ Kusasenri จนหมดแล้ว สามารถมาเดินชมพิพิทภัณฑ์ที่ Aso Volcano Museum ได้ ที่นี่เป็น museum ที่นำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวกับภูเขาไฟอะโซะไว้ทั้งหมดเลย (ต้องเสียค่าเข้า) เสียดายที่เวลาผมน้อยไปหน่อยเลยไม่ได้เข้าไปเที่ยวชมเลย นอกจาก museum แล้วที่นี่ก็ยังมีคาเฟ่ ร้านค้าขายของที่ระลึก ร้านอาหารให้เราสามารถมานั่งชิลทานอาหาร สั่งเครื่องดื่มได้ด้วยครับ

ผมนั่งรถบัสกลับมาที่สถานีรถไฟ Aso Station ยังพอมีเวลาเหลืออยู่นิดหน่อยก่อนเวลารถบัสที่จะนั่งต่อไปยังคุมาโมโตะ ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟจะมี Free Parking Space ที่เรียกว่า “Aso Roadside Station” หรือ “Michi no Eki Aso” ซึ่งเป็นจุดที่จอดรถ บริการห้องน้ำฟรีและยังเป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของเมือง Aso ด้วย นอกจากที่จะเป็นจุดพักรถแล้วที่นี่ก็ยังมีสินค้าท้องถิ่นจากคนท้องถิ่นที่นี่มากมาย โดยทั่วประเทศญี่ปุ่นเรามักจะเห็นสถานที่แบบนี้เยอะที่เค้าอยากจะโปรโมทสินค้าท้องถิ่นให้นักท่องเที่ยวสามารถซื้อติดกลับไปเป็นของฝากได้ ซึ่งเป็นไอเดียที่ดีมากๆ เป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและยังช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของคนท้องถิ่นได้ดีอีกด้วย

Aso Roadside Station

ที่นี่มีสินค้าท้องถิ่นหลายอย่างที่น่าสนใจ เช่นนมยี่ห้อ Aso Milk ที่เป็นผลิตภัณฑ์จากนมวัวที่เลี้ยงในเมือง Aso แห่งนี้เลย หรือจะเป็นขนม Pudding ที่แปรรูปจากนมวัว Aso ผมลองซื้อมากิน อร่อยดีนะครับ หรือจะเป็น Aso Cycle Beer ซึ่งเป็น Craft Beer ที่ผลิตจากในเมือง Aso เช่นกัน น่าซื้อไปซะหมดทุกอย่างเลย

Usopp Statue ที่ Aso Station

เดินย้อนกลับมาบริเวณ่หน้าสถานี Aso จะมีรูปปั้น Usopp ซึ่งถ้าใครเป็นสาวกการ์ตูน One Piece ก็คงจะรู้จักกันเป็นอย่างดี ก็สามารถมาถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกกันได้ครับ

Bus from Aso Station to Kumamoto

หลังจากที่เที่ยว Aso กันอย่างเต็มอิ่มแล้ว ผมก็มารอขึ้นรถบัสรอบ 16:23 เพื่อที่จะไปลงที่สถานี Kumamoto Sakuramachi Bus Terminal ซึ่งเราสามารถใช้ SunQ Pass เดินทางต่อได้เช่นเดิม เรียกได้ว่าใช้พาสรถบัสนั่งกันแบบคุ้มๆ เหมาๆ กันไปเลย

สำหรับใครที่จะเดินทางรูทเดียวกับผมนี้ รถบัสที่จะวิ่งจากสถานี Aso ต่อไปยัง Kumamoto ในช่วงบ่ายนั้นจะมีเพียง 2 รอบเท่านั้นคือช่วงเวลา 16:23 และ 17:23 ดังนั้นควรจะเผื่อเวลาเดินทางกลับจากการขึ้นไปเที่ยวปากปล่องภูเขาไฟ Nakadake กันให้ดีๆ นะครับ ไม่งั้นจะไม่ทันรอบรถบัสไม่รู้ด้วยนะ (รอบรถบัสอาจมีการเปลี่ยนแปลง สามารถอัพเดตเพิ่มเติมได้ที่เว็บ www.japanbusonline.com ได้ครับ)

Sakuramachi Bus Terminal, Kumamoto

รถบัสใช้เวลาราวๆ 1 ชม. ครึ่งก็มาถึงที่ Sakuramachi Bus Terminal ที่เมือง Kumamoto แล้วครับ ผมจองโรงแรมใกล้ๆ Bus Terminal ไว้ พักที่ Toyoko Inn Sakuramachi Bus Terminal Mae เดินจากท่ารถบัสประมาณ 10 นาทีถึงแล้วครับ ดีงามมากๆ ผม Check-in ที่โรงแรมแล้วออกไปหามื้อเย็นทานใกล้ๆ โรงแรมครับ

บรรยากาศหน้าร้าน Katsuretsu Tei สาขา Shinshigai

มื้อเย็นวันนี้ผมเลือกมาทานร้านทงคัตสึชื่อดังของเมือง Kumamoto ชื่อร้านว่า “Katsuretsu Tei” สาขา Shinshigai อยู่ใกล้ๆ โรงแรม เดิน 5 นาทีถึง เมื่อมาถึงร้านก็พบว่ามีคนรอต่อคิวอยู่หลายคนเลย คนไทยก็มาทานที่ร้านนี้กันเยอะ เพราะเป็นร้านดังของเมือง มีเมนูของทอดให้เลือกหลายแบบเลย เมนูที่เป็น Signature ของร้านนี้คือหมูทอดทงคัตสึ ซึ่งหมูที่ใช้เค้าจะเป็นหมู Roppaku-Kurobuta หมูคุโรบุตะสายพันธุ์ของเมืองคาโงชิมะ ภูมิภาคคิวชูแห่งนี้เลย ผมมาถึงต้องมาใส่ลงชื่อแล้วรอเรียกคิว ใช้เวลารอประมาณ 15–20 นาทีนะครับ คนเยอะนิดนึง

เมนูของร้าน Katsuretsu Tei

แต่ผมอยากลองเลือกชิมของทอดหลายๆ อย่างเลยสั่งมาเป็น Combination Set Mix Furai Zen มีของทอดหลายๆ แบบทั้งหมูทอด กุ้งทอด และโคโระเกะด้วยครับ ราคา 2,035 เยน ราคาสูงหน่อย แต่รับรองว่าอร่อยอิ่มคุ้มแน่นอนครับ

Mix Furai Zen Combination Set

และเมนู Mix Furai Zen Combination Set ก็มาเสิร์ฟพร้อมสลัดผัก ผักดอง ข้าวสวย ซุปมิโซะและมี Tartar Sauce มาให้ด้วย และแน่นอนว่าน้ำจิ้มทงคัตสึก็จะมีให้เลือกสองแบบคือแบบ Western กับแบบ Japanese Original ผมไม่ลังเลที่จะเลือกแบบญี่ปุ่นนะครับ ราดลงไปบนงาขาวบด(ที่เราบดเองตามชอบ) และน้ำชาที่ refill เติมได้ตลอด

สลัดผัก ผักดอง และข้าวสวยในเซ็ตเราสามารถขอเติมได้ไม่อั้นนะครับ ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม เรียกได้ว่ากินกันให้เต็มที่สมราคากันไปเลย มื้อนี้บอกได้เลยว่าอิ่มมากครับ 55+ ใครที่มาเที่ยวหรือมาพักที่เมือง Kumamoto อย่าลืมมาลองกินทงคัตสึร้านนี้กันนะครับ

สรุป

เรียกว่าเป็น Road Trip (ได้มั้ยนะ 55+) ด้วยรถบัสไปเที่ยวภูเขาไฟ Aso ที่ระหว่างการเดินทางได้เห็นภูมิประเทศและวิวอันสวยงามของ Aso-Kuju National Park ซึ่งเราสามารถใช้ SunQ Pass เดินทางเหมาๆ ได้อย่างสะดวกสบายมากๆ แต่ที่สำคัญคือจะต้องจองที่นั่งล่วงหน้าก่อนวันเดินทางให้เรียบร้อยก่อนนะครับ ที่น่าเสียดายของวันนี้คือเราไม่สามารถขึ้นไปยังปากปล่องภูเขาไฟ Nakadake ได้เนื่องจากสภาพการะปะทุของภูเขาไฟมีสภาพที่ยังไม่ปลอดภัยต่อการเที่ยวชม ส่วนตัวอยากจะกลับมาเที่ยวที่ภูเขาไฟ Aso นี้อีกซักครั้งเพราะอยากจะขึ้นไปดูปากปล่องภูเขาไฟด้วยตาตัวเองจริงๆ ซักครั้งครับ ปิดท้ายวันด้วยการไปกินทงคัตสึร้านดังใน Kumamoto อิ่มอร่อยจริงๆ เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งวันที่เที่ยวได้อย่างเต็มอิ่มมากๆ ในตอนหน้าเราจะนั่งบัสไปเที่ยวเมือง Takachiho แบบ One Day Trip จากเมืองคุมาโมโตะ ซึ่งเป็นไฮไลท์ของทริปนี้ของผมเลยก็ว่าได้ จะสวยขนาดไหนนั้น อย่าลืมติดตามอ่านกันต่อได้ครับ Happy Travel!

--

--