รีวิวลุยเดี่ยวเที่ยวคิวชูญี่ปุ่น 10 วัน 9 คืนโดยใช้ JR Kyushu Pass และ SunQ Pass EP.3

Traitanit Huangsri
5 min readMay 1, 2024

ต่อกันที่ EP.3 ของทริปลุยเดี่ยวเที่ยวคิวชูประเทศญี่ปุ่นของผม จากในตอนที่แล้วเราไปเที่ยวกันที่เมืองตากอากาศสุดชิลล์อย่างยุฟุอินและเบปปุซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องบ่อน้ำพุร้อนและการไปแช่ออนเซ็นกันมาแล้ว ในตอนนี้จะขอพาทุกคนขึ้นไปเที่ยวเมืองคิตะคิวชู (Kitakyushu) และชิโมโนเซกิ (Shimonoseki) กันครับ สำหรับใครเพิ่งเปิดเข้ามาอ่านบทความนี้เป็นครั้งแรกและอยากย้อนกลับไปอ่าน EP ก่อนหน้าสามารถกดอ่านได้จากลิ้งค์นี้ได้เลยครับ

Day5: เดินทางไปเที่ยวเมืองคิตะคิวชู(Kitakyushu) ด้วย JR Kyushu Pass

ในช่วงเช้าผมเริ่มวันด้วยการตื่นมาออกกำลังกายก่อนเช่นเดิม วันนี้เลือกไปวิ่งที่สวนสาธาณะของเมืองเบปปุอย่าง Beppu Park ตั้งอยู่กลางใจเมืองเบปปุเลย บรรยากาศในสวนค่อนข้างดีเลยครับ มีการปลูกดอกไม้ต่างๆ เช่นดอกทิวลิปกำลังบานสวยงามเลยครับ

ดอกทิวลิปใน Beppu Park

นอกจากดอกทิวลิปแล้วก็ยังมีต้นไม้สวยๆ สูงโปร่งคอยให้ร่มเงาเป็นอย่างดีรอบสวนเลย บรรยากาศดีมากๆ ครับ

บรรยากาศภายในสวน Beppu Park

หลังจากออกกำลังกายเสร็จแล้วผมก็รีบวิ่งกลับมาที่โรงแรมเพื่ออาบน้ำทานข้าวเพื่อเตรียมออกเดินทางไปขึ้นรถไฟที่จองไว้ตอนราวๆ 8:51am อาหารมื้อเช้าที่โรงแรมเป็นแบบบุฟเฟต์ที่ใช้วัตถุดิบมาจากท้องถิ่นของเมืองเบปปุเป็นหลักเลย ทั้งไก่ทอดสไตล์เบปปุ ผักผลไม้ต่างๆ ครบครันมากครับ

อาหารมื้อเช้าที่โรงแรม

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จก็รีบเดินไปที่สถานี Beppu เพื่อขึ้นรถไฟ JR Sonic ที่ผมได้จองที่นั่งไว้เรียบร้อยแล้วในเวลา 8:51am รถไฟมาตรงเวลาดีมากๆ ครับ

JR Sonic ที่สถานี Beppu Station
เส้นทางการเดินทาง Beppu-Kokura-Mojiko

การเดินทางวันนี้จะใช้เวลาทั้งหมด 1 ชม. 40 นาทีโดยนั่งรถไฟ JR Sonic (14) Limited Express จาก Beppu ไปลงที่สถานี Kokura และเปลี่ยนเป็นรถไฟ Local สาย Kagoshima Main Line (Mojiko-Yashiro) ต่อไปลงที่สถานี Mojiko ค่าโดยสารทั้งหมด 4,330 เยน ใช้ JR Kyushu Pass ได้เช่นเดิมครับ

JR Kagoshima Line (Mojiko-Yoshiro)

หลังจากเดินทางมาถึงสถานี Kokura ผมเปลี่ยนสายเป็น Local Train Kagoshima Line มาลงที่สถานี Mojiko รถไฟสะอาดดูดีเช่นเคย ใช้เวลาแค่ 17 นาทีเท่านั้นครับ

Mojiko Station

ออกมาจากสถานีก็จะเจอกับสะพาน Blue Wing Moji ซึ่งเป็นสะพานข้ามฟากที่สามารถเปิดยกขึ้นมาเพื่อให้เรือผ่านได้ ช่วงที่ผมไปถึงก็ได้เวลาที่สะพานจะยกเปิดขึ้นมาพอดี Amazing มากครับ

สะพาน Blue Wing Moji กำลังเปิดขึ้นให้เรือวิ่งผ่าน
Former Moji Customs Office

เดินข้ามสะพาน Blue Wing Moji มาก็จะเจอกับ Former Moji Customs Office หรือสำนักงานศุลกากรหลังเก่าของเมืองโมจิโกะ เนื่องจากเมืองคิตะคิวชูเป็นเมืองท่าที่สำคัญของญี่ปุ่น ในสมัยก่อนจึงมีการค้าขายกับต่างประเทศผ่านช่องทางนี้จำนวนมาก จึงได้มีการสร้างสำนักงานศุลกากรเพื่อนำเข้าส่งออกสินค้ากันบริเวณนี้ ตัวอาคารดีไซน์เป็นอิฐเปลือยแบบในยุโรปเลย สวยงามมากๆ เลยครับ

สะพาน Kanmon Bridge

มองเลยไปด้านหลังเราจะมองเห็นวิวทะเลพร้อมกับสะพาน Kanmon Bridge ซึ่งวันนี้ผมแพลนจะเดินไปเที่ยวที่สะพานแห่งนี้และลงอุโมงค์ลอดไปฝั่งตรงข้ามที่ฝั่ง Shimonoseki ด้วยครับ

สวนดอกไม้ริม Kanmon Bridge

ผมเดินตรงมาเรื่อยๆ ผ่านทางรถไฟสาย Mojiko Retro มาจนถึงสวน Mekari Park บริเวณตีนสะพาน Kanmon วิวสวยมากๆ ครับ

วิวาะพาน Kanmon จาก Mekari Park

เดินต่อไปอีกนิดเราจะพบกับศาลเจ้า Mekari Shrine ศาลเจ้าเล็กๆ อยู่ติดริมทะเล รู้สึก peaceful มากๆ ครับ เจอคนญี่ปุ่นท้องถิ่นที่นี่ก็มาไหว้พระกันอยู่ด้วยครับ

Mekari Shrine
Mekari Shrine

เดินขึ้นมาด้านบน ข้ามถนนมาอีกฝั่งเราจะเจอกับทางเข้าอุโมงค์ลอดใต้ทะเล Kanmon Pedestrian Tunnel ซึ่งเป็นอุโมงค์ที่สร้างไว้สำหรับให้คนเดิน ขี่จักรยาน มอเตอร์ไซค์ (ต้องเข็นเท่านั้น) ข้ามฝั่งไปยังเมืองชิโมโนเซกิได้ เป็นโครงสร้างวิศกรรมที่เจ๋งมากๆ ผมกดลิฟต์ลงไปชั้นใต้ดิน B2 และเดินข้ามฝั่งไปผ่านทางอุโมงค์ รวมระยะทางประมาณ 600 เมตร ใช้เวลาเดินราว 10 นาทีได้ครับ

อุโมงค์ทางเดินลอดใต้สะพาน Kanmon

ทุกๆ 100 เมตรจะมีป้ายบอกระยะทางให้เราคอยอัพเดตให้เสมอ และบนผนังอุโมงค์ยังมีการวาดภาพศิลปะสวยๆ ให้เราดูตลอดทางอีกด้วยครับ

Battle of Dan-no-ura Statue

ขึ้นมาจากอุโมงค์ทางเดินใต้ทะเล Kanmon Pedestrial Tunnel ออกมาเราก็จะพบกับอนุสาวรีย์ Battle of Dan-no-ura ซึ่งสร้างไว้เป็นอนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงการต่อสู้ในดันโนอุระ ซึ่งเป็นสงครามการต่อสู้บนเรือระหว่างตระกูลงตระกูลมินาโมโตะกับตระกูลไทระในปี ค.ศ. 1185 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสงครามเก็บเพียร์นิโอด (Genpei War) ที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นในยุคสงคราม

วิวสะพาน Kanmon Bridge จากฝั่ง Shimonoseki

หลังจากที่เราข้ามฝั่งมายังเมืองชิโมโนเซกิ เราก็จะเห็นวิวสะพาน Kanmon จากฝั่งชิโมโนเซกิ สวยไปอีกแบบ ลมแรงมากๆ เพราะฝนกำลังจะตกพอดี ฝนมาอีกแล้ว 55

ศาลเจ้า Akama Jingu

ผมเดินต่อจากจุดนี้ตรงย้อนกลับไปทางตลาดปลา Karato ระหว่างทางก็เจอกับศาลเจ้าอากามะจิงู (Akama Jingu) เป็นวัดในเมืองชิโมโนเซกิ ซึ่งมีความสำคัญมากในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น

ศาลเจ้าอากามะจิงูสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ทำการลงพระบรมราชาภิเษกและเฉลิมพระเกียรติ ให้กับจักรพรรดิอากามะโนะ ผู้เป็นพระราชาสุดท้ายของสงครามกามิ

วัดนี้มีความสำคัญอีกด้วยเพราะเป็นสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น และยังเป็นจุดศูนย์รวมของความเชื่อทางศาสนา บางครั้งยังเป็นสถานที่จัดงานพิธีและเทศกาลทางศาสนาด้วย

ตลาดปลา Karato Fish Market

เดินต่อมาอีกนิดนึง ในที่สุดผมก็มาถึงตลาดปลา Karato แต่น่าเสียดายที่ผมมาถึงเลทไปหน่อย ตลาดวายหมดแล้วครับ ไว้ครั้งหน้าต้องกลับมาซ้ำใหม่ ที่นี่เป็นตลาดปลาที่มีชื่อเสียงของเมืองชิโมโนเซกิเลย มีอาหารทะเลสดๆ จำหน่ายและก็ยังมีร้านอาหารต่างๆ ที่ขายอาหารจากวัตถุดิบที่ได้จากทะเลสดๆ เช่นซูชิต่างๆ ถ้าใครจะมาเดินตลาดก็แนะนำให้มาตั้งแต่เช้าไม่เกินเที่ยงนะครับ ไม่งั้นก็จะอดกินแบบผม เพราะช่วงหลังเที่ยงร้านค้าจะเริ่มปิดหมดและไม่ค่อยมีของสดเหลือให้เราเลือกจับจ่ายแล้วครับ

รอบหน้ามาต้องกลับมาซ้ำร้านซูชิ Kaiten Karato Ichiba Sushi นี้ให้ได้

แต่ถึงเราจะมาไม่ทันตลาดสดเปิด แต่ด้านบนชั้น 2 ของตลาดก็ยังมีร้านอาหารเปิดอยู่นะครับ แต่ก็มีไม่มาก หนึ่งในนั้นคือร้านซูชิสายพานชื่อดังของตลาดนี้ก็คือร้าน “Kaiten Karato Ichiba Sushi” ซึ่งมีคนมาต่อคิวกินเยอะมากๆ ผมหิวมากตอนนั้นรอไม่ไหวครับ น่าจะมีรอเป็นชม.ได้ ไว้ครั้งหน้าต้องกลับมากินร้านนี้ให้ได้ ดูน่ากินมากๆ ใครจะมากินก็แนะนำให้เผื่อเวลาเยอะๆ เลย เพราะคิวจะยาวมากๆ

ชุดรวมซีฟู้ดทอด อร่อยดี ราคาไม่แพง

ผมมากินร้านอาหารใกล้ๆ กันชื่อร้านว่า “Ichiba shokudō maguro to kame” เป็นร้านอาหาร Seafood ที่นำวัตถุดิบซีฟู้ดมาขายเป็นอาหาร Set ง่ายๆ ผมเลือกตั้งเป็นเซตรวมทะเลทอด น่าจะมีปลาปักเป้าซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของที่นี่อยู่ในนั้นด้วย อร่อยดีมากๆ ครับ

Soft Serve รส Mix Vanilla + Sea Flavor

นอกจากด้านในตลาด Karato Fish Market แล้วบริเวณรอบๆ ข้างๆ ตลาดก็ยังมีโซนที่เรียกว่า Kanmon Wharf มีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ต่างๆ มากมาย เน้นขายเมนูที่ทำจากปลาปักเป้าและอาหารทะเลให้เลือกเยอะเลยครับ นอกจากนี้ก็ยังมีรูปปั้นเป็นรูปปลาปักเป้าให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกันด้วย น่ารักเลยทีเดียวเชียว

รูปปั้นปลาปักเป้า

หลังจากที่เที่ยวและกินที่เมืองชิโมโนเซกิอย่างหนำใจแล้ว ผมก็เดินไปซื้อตั๋วเรือเฟอร์รี่ข้ามฟาก (Kanmon Ferry Boat) เพื่อจะนั่งกลับไปยัง Mojiko และเที่ยวรอบๆ บริเวณนั้นต่อ โดยเราสามารถเดินมาซื้อตั๋วและขึ้นเรือข้ามฟากได้ที่ Kanmon Pier เรืออกถี่อยู่ครับ ทุกๆ 20 นาทีได้ และถ้าใครที่มี SunQ Pass สามารถใช้พาสขึ้นเรือข้ามฟากนี้ได้ด้วยครับ ส่วนถ้าใครซื้อตั๋วเป็นรายเที่ยว ค่าโดยสาร 400 เยน ซื้อได้จากตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติบริเวณท่าเรือได้เลย

วิวจากบน Kanmon Ferry
เรือ Kanmon Ferry

เรือ Kanmon Ferry ก็จะพาเราข้ามฟากจากฝั่งชิโมโนเซกิข้ามไปยังโมจิโกะ เราก็จะได้เห็นวิวสะพาน Kanmon แบบเต็มๆ อีกครั้ง เสียดายช่วงที่ผมนั่งไปฝนกำลังทำท่าจะตก เมฆครึ้มมาเลยครับ

Kanmon Kisen Mojiko Passenger Terminal

เรือข้ามฟากจะจอดที่ท่าเรือ Kanmon Kisen Mojiko ใกล้ๆ กับสถานี Mojiko เลย หลังจากลงจากเรือมา ผมก็เดินเที่ยวบริเวณใกล้ๆ กับสถานี Mojiko ทั้ง Mojiko Retro ซึ่งเป็นสถานที่ๆ มีร้านค้า ร้านอาหารที่ตกแต่งแบบย้อนยุค (Retro) ชมวิวทะเลสวยๆ ของเมืองคิตะคิวชูได้เป็นอย่างดีครับ

รูปปั้น Banana Man ที่เป็นสัญลักษณ์ของ Mojiko Retro

ซึ่งบริเวณ Mojiko Retro ก็จะมีรูปปั้น Banana Man ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ สาเหตุว่าที่เป็นรูปปั้นมนุษย์กล้วยแบบนี้ก็เป็นเพราะว่าในสมัยก่อนพื้นที่แห่งนี้เคยเป็นลานประมูลกล้วยกันมาก่อน เพราะในประเทศญี่ปุ่นการปลูกกล้วยเป็นเรื่องยาก (ด้วยสภาพอากาศ) ทำให้ต้องนำเข้ากล้วยจากไต้หวัน และบริเวณท่าเรือ Mojiko แห่งนี้ก็เป็นศูนย์รวมของการนำเข้ากล้วยกันเยอะในสมัยก่อน ทำให้มีสินค้าเกี่ยวกับกล้วยขายเยอะในย่านนี้ด้วย

Mojiko Retro
Kitakyushu City Dalian Friendship Memorial Hall

รอบๆ Mojiko Retro ก็ยังมีอาคารสวยๆ ที่ให้เราไปถ่ายรูปกันได้ ไม่ว่าจะเป็น Kitakyushu City Dalian Friendship Memorial Hall ซึ่งเป็นอนุสรณ์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงความสัมพันธ์ที่มีความสัมพันธ์ระหว่างเมืองคิตะคิวชูและเมืองต้าเหลียน (Dalian) ประเทศจีนในสมัยก่อนที่มีการค้าขายกันทางเรือบริเวณนี้กันมาก

Old Mitsui O.S.K. Lines Ltd. Building

หรือจะเป็นที่อาคาร Old Mitsui O.S.K. Lines Ltd. Building อาคารนี้เคยเป็นสำนักงานของ Mitsui O.S.K. Lines Ltd. (MOL) ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งทางเรือระดับโลก ตั้งแต่ยุคสมัยต้นๆ และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาส่งออกและการค้าของญี่ปุ่นในสมัยที่มีการแลกเปลี่ยนสินค้ากับต่างประเทศอย่างแพร่หลาย

Mojiko Station

Mojiko Station เป็นสถานีรถไฟหลักของเมืองคิตะคิวชู ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายรถไฟประจำทางตะวันตกของประเทศญี่ปุ่น สถานีนี้มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมต่อระหว่างเมืองโมจิโกะกับเกาะคิตะคิวชูและพื้นที่อื่น ๆ ในภาคตะวันตกของญี่ปุ่นมาก

Selfie กับ Mojiko Station ซะหน่อย

Mojiko Station นั้นโด่งดังในฐานะสถานีรถไฟเก่าแก่ที่มีสถาปัตยกรรมงดงามสไตล์ยุโรป เสมือนเป็นประตูสู่ยุคสมัยเมจิ สถานีแห่งนี้เคยเป็นจุดศูนย์กลางการค้าทางทะเลที่สำคัญในอดีต ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ พิพิธภัณฑ์ และสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์มากมาย

หลังจากที่เที่ยวในโมจิโกะอย่างเต็มอิ่มแล้ว ผมก็นั่งรถไฟจากสถานี Mojiko กลับไปยังสถานี Kokura เพื่อรอรถไฟ JR Sonic รอบ 16:43 เพื่อเดินทางกลับไปที่ Beppu ครับ เมื่อมาถึงสถานี Kokura ผมยังพอมีเวลาเหลือเล็กน้อยเลยเดินสำรวจสถานี Kokura กันซักหน่อยครับ

Kokura Station

สถานี Kokura (Kokura Station) เป็นสถานีรถไฟใหญ่อันดับ 2 ในภูมิภาคคิวชู (รองจากสถานี Hakata) ที่มีการเชื่อมต่อสะดวกสบายและบริการที่ครอบคลุม รองรับการโดยสารทั้งรถไฟ Shinkansen (สาย Sanyo Shinkansen) รถไฟ Limited Express และรถไฟท้องถิ่น Local Train ซึ่งนอกจากการบริการรถไฟที่หลากหลายแล้ว ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ เช่น ร้านค้า, ร้านอาหาร, โรงแรม, และบริการโดยสารต่าง ๆ ที่ให้บริการตามที่ต้องการของนักท่องเที่ยวและผู้โดยสารจำนวนมาก (ผู้ใช้บริการมากกว่า 120,000 คนต่อวัน)

นอกจากนี้จากสถานี Kokura เรายังสามารถเดินทางต่อเข้าเมืองคิตะคิวชูด้วยรถไฟ Kitakyushu Monorail เพื่อไปเที่ยวในส่วนอื่นๆ ในคิตะคิวชูได้อีกด้วย โดยรถไฟโมโนเรลของคิตะคิวชูเป็นหนึ่งในระบบขนส่งสาธารณะที่สะดวกและมีประสิทธิภาพ เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1985 มีเส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างสถานีรถไฟโมโนเรลกับจุดหมายสำคัญในเมืองทั้งโรงเรียน, สถานที่ท่องเที่ยว, และศูนย์การค้า ระบบรถไฟโมโนเรลมีความสะดวกสบายและเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการเดินทางในเมือง Kitakyushu เลยครับ (แต่ใช้ JR Kyushu Pass ไม่ได้เพราะ Kitakyushu Monorail เป็นของเมือง Kitakyushu ไม่ได้ให้บริการโดย JR Kyushu) เราสามารถซื้อตั๋วเป็นรายเที่ยวหรือใช้ IC Card ชำระค่าโดยสารได้ครับ

หลังจากเดินเที่ยวเล่นในสถานี Kokura แล้วก็ได้เวลารถไฟ JR Sonic Limited Express ที่จะพาผมกลับไปยังเมือง Beppu รถไฟมาตรงตามตารางเวลาเช่นเคยครับ ใช้เวลาราวๆ 1 ชม. 20 นาทีก็มาถึงสถานี Beppu เป็นที่เรียบร้อย

Beppu Kitahama Yacht Harbor

เย็นวันนี้ผมใช้เวลาเดินชมวิวอ่าว Beppu ยามเย็นช่วงใกล้พระอาทิตย์ตก บริเวณ Beppu Kitahama Yacht Harbor บรรยากาศดีมากๆ ได้ชมวิวทะเลพร้อมเรือยอชท์ที่จอดอยู่บริเวณริมอ่าว ตัดสลับกับภูเขาสวยๆ กับอากาศเย็นๆ ฟินมากครับ

ค่ำวันนี้ผมก็กลับไปแช่ออนเซ็นที่ Kaimonji Onsen อีกรอบเพื่อผ่อนคลายจากการท่องเที่ยวและเดินเยอะมาตลอดทั้งวัน เรียกว่ามาเที่ยวเบปปุก็ได้แช่ออนเซ็นกันไปแบบจุกๆ เลยครับ

สรุป

Kitahama Park

ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ผมได้เดินทางไปเที่ยวเมือง Kitakyushu แบบเต็มอิ่มไปเช้าเย็นกลับจากเมือง Beppu ใช้เวลาเดินทางไม่นานด้วยรถไฟ JR Sonic เพียง 1 ชม.นิดๆ ก็ถึงแล้ว ถ้าใครที่มีโอกาสมาเที่ยวภูมิภาคคิวชูก็อย่าลืมแพลนและหาเวลาไปเที่ยวเมืองคิตะคิวชูกันนะครับ เป็นเมืองท่าที่น่ารักเต็มไปด้วยศิลปะวัฒนธรรมสไตล์ตะวันตกและยังมีอาหารทะเลสดๆ อร่อยให้เราเลือกมากมาย ในตอนหน้าผมจะพาทุกคนนั่งรถไปเที่ยวกันที่ภูเขาไฟอะโซะ (Aso) จังหวัดคุมาโมโตะ (Kumamoto) กัน ฝากติดตามด้วยนะครับ Happy Travel!

--

--