รีวิวนากาโน่ (Nagano) One Day Trip ไปเที่ยวไหนดี?

Traitanit Huangsri
5 min readSep 9, 2024

--

สวัสดีครับ บทความนี้ยังคงอยู่ในทริปซีรีส์ท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นในช่วงฤดูร้อนปี 2024 ของผม ซึ่งในตอนที่แล้วเราได้ไปเที่ยวเมืองฮาคุบะ (Hakuba) กันมาอย่างเต็มอิ่ม 2 วัน 1 คืน ถ้าใครที่ยังไม่ได้อ่านหรือเพิ่งเปิดมาอ่านบทความนี้เป็นครั้งแรกสามารถย้อนกลับไปอ่านตอนที่แล้วได้จากลิ้งค์ด้านล่างนี้ครับ

และสำหรับในตอนนี้เราจะไปเที่ยวเมืองนากาโน่(Nagano) แบบ One Day Trip กันว่าที่เมืองนากาโน่นี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่ไหนบ้าง และโปรแกรมท่องเที่ยวของผมวันนี้จะเที่ยวรอบๆ เมืองนากาโน่กันครับ

One Day Trip Itinerary

แพลนทริป1วันของผมในนากาโน่ทริปนี้เนื่องจากว่ามาในฤดูร้อนเลยคิดว่าอยากจะไปเที่ยวโซน Togakushi Shrine เป็นศาลเจ้าชื่อดังของเมืองนากาโน่ที่ตั้งอยู่บนภูเขาที่เราจะต้องนั่งรถบัสขึ้นไปและเดินต่อเข้าไปยังศาลเจ้าซึ่งตั้งอยู่กลางหุบเขา ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่สวยงาม และหลังจากเที่ยวโซนศาลเจ้า Togakushi เสร็จแล้วก็จะลงมาเที่ยววัด Zenkoji บริเวณตัวเมืองปิดท้ายครับ

Alpico Bus Ticket Office

ในการเดินทางครั้งนี้ผมเลือกซื้อพาสรถบัส Zenkoji-Togakushi-1Day Pass ของบ. Alpico ซึ่งเราสามารถนั่งรถบัสของ Alpico จากในตัวเมืองขึ้นไปเที่ยวโซน Togakushi และวัด Zenkoji ได้อย่างไม่จำกัดจำนวนเที่ยว ในราคา 3,000 เยน สามารถซื้อได้ที่ท่ารถบัส Alpico (Alpico Bus Ticket Office) ซึ่งอยู่บริเวณตรงข้ามกับสถานีรถไฟ JR Nagano Station แต่ไม่สามารถซื้อตั๋วล่วงหน้าได้ ต้องมาซื้อวันที่จะใช้บริการเท่านั้นครับ รถบัสจะผ่านจุดสถานที่ท่องเที่ยวหลายๆจุด เราสามารถ Hop on/Hop off ได้ตลอดเวลา แต่ควรเช็คตารางเวลารถบัสก่อน เพื่อจะได้ไม่รอบัสนานจนเกินไป ซึ่งสามารถขอตารางรถบัสได้ที่ศูนย์ท่ารถบัสของ Alpico ได้เลยครับ

ป้ายรถบัสหมายเลข 7

หลังจากซื้อตั๋วแล้วผมก็มารอรถบัสหมายเลข 70 ที่ป้ายหมายเลข 7 ซึ่งจะพาเราขึ้นไปที่ศาลเจ้า Togakushi Shrine Okusha (Main Shrine) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.ครึ่งครับ แนะนำว่าถ้าใครที่จะมาควรเผื่อเวลามาก่อนเวลารถบัสออกเล็กน้อย เพราะมีคนมาต่อคิวค่อนข้างเยอะ จะได้นั่งไม่ต้องยืนยาวๆ ตลอดเกือบ 1 ชม.ครึ่งนะครับ

ศาลเจ้า Togakushi Shrine Okusha

ทางเข้าศาลเจ้า Togakushi Okusha

นั่งรถบัสออกมาเกือบชม.ครึ่งก็มาถึงศาลเจ้า Togakushi Okusha ซึ่งเป็นศาลเจ้าหลักของบริเวณนี้ รอบๆ บนภูเขานี้ก็จะมีศาลเจ้า Togakushi อีกหลายจุดซึ่งเด๋วเราจะไปเที่ยวกันหลังจากนี้ด้วยครับ เริ่มต้นจากศาลเจ้าหลักกันก่อน

ต้นสน Cedar Tree สูงใหญ่ตลอดสองข้างทาง

จากทางเข้าของศาลเจ้าเราจะต้องเดินเข้าไปยังตัวศาลเจ้าอีกราวๆ 1.1 km ใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาที ระหว่างทางเดินเราจะได้เห็นต้นสนซีดาร์ (Cedar Tree) ตั้งเรียงรายสูงตระหง่านตลอดสองข้างทาง สวยงามมากๆ ครับ

Zuishinmon Gate

ผมเดินผ่านประตู Zuishinmon สีแดงสดใสซึ่งจะผ่านไปยังศาลเจ้า Togakushi ด้านบน คนส่วนใหญ่ก็จะแวะถ่ายรูปกันบริเวณนี้กันเยอะเลยครับ สวยงามมากๆ

แวะถ่ายรูปบริเวณ Zuishinmon Gate

เดินต่อไปเรื่อยๆ ทางก็จะเริ่มชันสูงขึ้นเรื่อยๆ ครับ แต่ก็สามารถค่อยๆ เดินต่อไปได้ไม่ยาก จนมาถึงศาลเจ้า Togakushi Okusha ที่อยู่ด้านในกันแล้ว มาถึงก็ต้องแวะทำบุญไหว้ศาลเจ้ากันหน่อยครับ

ทางขึ้นศาลเจ้า
ศาลเจ้า Togakushi (Upper Shrine)

บริเวณศาลเจ้านี้จะมีร้านขายเครื่องรางต่างๆ ซึ่งเราสามารถซื้อกลับไปบูชาหรือเก็บเป็นที่ระลึกได้ด้วยครับ มีนักท่องเที่ยวหลายๆ คนก็นิยมมาซื้อกันเวลามาเที่ยวชมศาลเจ้าต่างๆ ในญี่ปุ่น

ศาลเจ้า Togakushi Okusha ถือเป็นศาลเจ้าหลักบนภูเขา Togakushi แห่งนี้ เป็นศาลเจ้าที่ประดิษฐานเทพเจ้าแห่งความแข็งแกร่ง มีความเชื่อกันว่าเป็นผู้เคลื่อนหินให้เทพีแห่งดวงอาทิตย์ได้ออกจากที่ซ่อน ทำให้ผู้คนต่างมาขอพรให้โชคดี สมดังหวั่งใจปรารถนาในเรื่องต่างๆ

น้ำตกเล็กๆ ข้างศาลเจ้า

ด้านข้างของศาลเจ้าจะมีน้ำตกเล็กๆ ไหลลงมาเป็นลำธารเล็กๆ ทำให้รู้สึกสดชื่น ช่วยคลายความร้อนของอากาศได้ดีเลย

Zuishinmon Gate

หลังจากทำบุญไหว้ศาลเจ้าเสร็จแล้วผมเดินย้อนกลับลงมาที่ประตูซุยชินมอน (Zuishinmon Gate) อีกครั้งเพื่อจะเลี้ยวออกไปเดินเทรลเพื่อจะไปเที่ยวอีกจุดหนึ่งนั่นคือบึงคากามิ (Kagami-ike Pond)

บึง Kakami-ike Pond

ทางเดินไป Kagami-ike ต้องระวังหมีด้วยนะครับ

เทรลที่ไป Kagami-ike Pond นี้ค่อนข้างเป็นโคลนแฉะๆ เยอะ อาจจะเพราะว่าวันก่อนหน้านี้มีฝนตกบริเวณจังหวัดนากาโน่แห่งนี้ แต่มีการวางไม้เป็นทางเดินไว้เป็นจุดๆ เดินได้ง่าย ไม่มีเนิน แต่ต้องคอยระวังเรื่องแมลงในช่วงฤดูร้อนแบบนี้ครับ และรวมถึงมีป้ายเตือนให้ระวังหมีด้วย ซึ่งการเดินป่าในลักษณะนี้แนะนำว่าให้ห้อยกระดิ่งเพื่อสงเสียงไม่ให้หมีเข้ามาใกล้ตัวไว้นะครับ

ระหว่างทางก็ผ่านไปเจออีกศาลเจ้าหนึ่งเล็กๆ ชื่อว่าศาลเจ้า Tenmeiinari Shrine มีเสาโทริอิตั้งเรียงรายอย่างสวยงามเลยครับ

Kagami-ike Pond

และแล้วผมก็เดินทางถึงบึงคากามิ (Kagami-ike Pond) ต้องบอกเลยว่าบรรยากาศดีมากๆ บึงน้ำสวยใสสีสะท้อนท้องฟ้าเลย คุ้มค่าเหนื่อยเลยครับ

บึง Kagami-ike

บึง Kagami-ike เป็นบึงน้ำที่ตั้งอยู่บนภูเขา Togakushi คำว่า “Kagami-ike” แปลว่า “บึงกระจก (Mirror Pond)” เนื่องจากน้ำในบึงมีความใสสะอาดจนสามารถสะท้อนภาพของภูเขาและวิวทิวทัศน์โดยรอบได้อย่างชัดเจนเหมือนกับกระจก เป็นสถานที่ที่มีคนมาพักผ่อนหย่อนใจ นั่งปิกนิกกันได้ โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแดง สร้างวิวอันสวยงามดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนไม่ขาดสายเลย ถ้าใครมีโอกาสมาเที่ยวโซน Togakushi อย่าลืมแวะมาเที่ยวที่บึง Kagami-ike กันนะครับ

Togakushi-Chusha

จากบึง Kagami-ike ผมเดินย้อนกลับขึ้นมาตามทางถนนที่รถวิ่งประมาณ 3km เพื่อลงมาเที่ยวศาลเจ้าอีกจุด แต่ถ้าใครทำเวลาดีๆ หมายถึงว่าสามารถเดินมารอรถบัสได้ทันเวลา สามารถเดินย้อนกลับมาที่ป้ายรถเมล์ “Kagamiike-Iriguchi” เพื่อนั่งบัสย้อนกลับลงมาที่ศาลเจ้า Togakushi-Chusha ได้เช่นกัน แต่เนื่องจากบัสที่ป้ายนี้จะมีผ่านมาเพียงชั่วโมงละคันเท่านั้น ซึ่งถ้าไม่ได้กะเวลาได้เป๊ะๆ จริงๆ หรือดูตารางบัสล่วงหน้าก็อาจจะต้องใช้เวลารอรถนานครับ ผมมาไม่ทันบัสรอบตอนบ่ายโมงเลยตัดสินใจเดินจาก Kagami-ike มาที่ศาลเจ้า Togakushi-Chusha เลย ใช้เวลาเดินประมาณ 30 นาทีครับ

เส้นทางเดินจาก Kagami-ike มายัง Togakushi-Chusha
ป้ายรถบัส Kagamiike-Iriguchi ที่ใกล้บึง Kagami-ike ที่สุด
เส้นทางเดินจาก Kagami-ike มายัง Togakushi Chusha

ศาลเจ้า Togakushi Chusha หรือศาลเจ้ากลาง เป็นหนึ่งในศาลเจ้าหลักของศาลเจ้า Togakushi (คำว่า Chusha หมายถึงศาลเจ้าที่อยู่ตรงกลาง) ศาลเจ้าแห่งนี้อุทิศให้กับเทพเจ้า Ame-no-Tajikarao ซึ่งเป็นเทพเจ้าที่มีบทบาทสำคัญในตำนานของญี่ปุ่นเกี่ยวกับการเปิดถ้ำที่ซ่อนดวงอาทิตย์ (เทพเจ้าอามาเทราสุ) ถือว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความแข็งแกร่งและพลัง

ศาลเจ้า Togakushi Chuisha

บริเวณศาลเจ้ากลางนี้มีความสวยงามและเงียบสงบ มีอาคารไม้เก่าแก่ที่ได้รับการดูแลอย่างดี บรรยากาศที่นี่เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์และประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน

บรรยากาศภายในศาลเจ้า มีน้ำตกและต้นไม้สูงศักดิ์สิทธิ์ให้คนเข้าไปสักการะได้
จุดถ่ายรูปด้านหน้าศาลเจ้ากับเสาโทริอิใหญ่โตมาก

กลับไปกินราเมงบริเวณ Nagano Station

หลังจากเที่ยวศาลเจ้า Togakushi Chusha เสร็จแล้ว ผมรอรถบัสเพื่อนั่งกลับไปที่สถานีรถไฟ JR Nagano Station เพื่อไปจัดการเรื่อง JR East Pass ที่จะเริ่มใช้งานในวันต่อไป เนื่องจากว่า JR Travel Center ที่สถานีรถไฟ Nagano จะปิดตอน 5 โมงเย็นเลยต้องรีบกลับไปแลกพาสก่อนที่ Office จะปิดครับ หลังจากที่จัดการเรื่อง JR Pass เสร็จแล้วก็ออกมากินราเมงชื่อร้านว่า “Ramen Misoya” อยู่ตรงข้ามสถานี JR เลย เป็นราเมงสไตล์มิโซะกับหมูชาชูชิ้นใหญ่ อิ่มอร่อยมากครับ ราคาก็ไม่แพง ปกติร้านนี้จะมีคนต่อคิวยาวออกมานอกร้านเลย แนะนำถ้าใครจะมากินก็มาช่วงบ่ายๆ คนจะไม่เยอะมาก ไม่ต้องรอคิวนานครับ

ราเมงหมูชาชูร้าน Ramen Misoya

เที่ยววัด Zenkoji Temple

วัดต่อไปที่จะไปเที่ยวกันต่อก็คือวัด Zenkoji ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ JR Nagano Station สามารถนั่งรถบัสไปได้ประมาณ 10 นาทีถึงครับ

รถบัสจาก Nagano Station — Zenkoji Temple

วัด Zenkoji (善光寺) เป็นวัดพุทธที่มีชื่อเสียงและเป็นที่เคารพนับถืออย่างมากในเมืองนากาโนะ ประเทศญี่ปุ่น วัดนี้ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 7 และเป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น มีความสำคัญทั้งในเชิงศาสนาและประวัติศาสตร์

วัด Zenkoji มีชื่อเสียงเนื่องจากเป็นที่ประดิษฐานของ พระพุทธรูป Amida Triad ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ว่ากันว่าเป็นพระพุทธรูปองค์แรกที่ถูกนำเข้ามาในประเทศญี่ปุ่นในคริสต์ศตวรรษที่ 6 และถูกเก็บรักษาไว้ในห้องใต้ดินของวัด วัด Zenkoji เปิดให้สาธารณชนเข้าชมองค์จำลองของพระพุทธรูปนี้ทุกๆ 6 ปี ในพิธีที่เรียกว่า Gokaicho ซึ่งดึงดูดผู้ศรัทธาและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก

บรรยากาศรอบๆ วัด Zenkoji

วัด Zenkoji ไม่ได้นับถือพุทธนิกายใดเป็นพิเศษ แต่เป็นสถานที่ที่เปิดกว้างให้กับทุกนิกาย ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของวัดนี้ วัดนี้ยังเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญสำหรับการแสวงบุญและการท่องเที่ยว ด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามและประวัติศาสตร์ที่ลึกซึ้ง ทำให้วัด Zenkoji เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวและผู้แสวงบุญจากทั่วโลก

ปิดท้ายวันด้วยซูชิสายพานที่ Kappa Sushi

Kappa Sushi สาขา Kamitakada, Nagano

ผมปิดท้ายวันของ One Day Trip ที่เมือง Nagano ด้วยการไปกินซูชิสายพานร้าน Kappa Sushi ซึ่งเป็นซูชิสายพานเจ้าดังที่มีหลายสาขาทั่วประเทศญี่ปุ่น ราคาของซูชิเริ่มต้นที่ 100 เยนเท่านั้น วันนี้ผมนั่งรถเมล์มากินที่ Kappa Sushi สาขา Kamitakada ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ JR Nagano Station ห่างออกไป 20 นาทีครับ

ตู้ Kiosk กดรับบัตรคิวของร้าน Kappa Sushi

วิธีการเข้าไปกินซูชิสายพานก็ไม่ยากครับ เข้ามาในร้านต้องมากดรับบัตรคิวก่อน ใส่จำนวนคน และก็รอเรียกคิวนะครับ โดยที่จะมีจอคอยบอกลำดับการเรียกคิวให้เราดูได้ตลอดเวลา

เมื่อถึงคิวแล้วให้เราเอาบัตรคิวไปสแกนเพื่อดูเลขโต๊ะของเราที่ตู้ Kiosk จะได้เลขโต๊ะมาก็ไปนั่งตามนั้นเลย ที่นี่มีโต๊ะหลากหลายแบบมาก ทั้งแบบมาเป็นครอบครัวหรือถ้าใครมาคนเดียวก็มีโต๊ะแบบนั่งเป็นคอกๆ กินคนเดียวได้เช่นกัน ดีงามมากๆ

ที่โต๊ะเราก็จะมีจอเป็น Tablet ให้เราสามารถเลือกกดสั่งอาหารได้เลย แต่เหมือนที่นี่จะไม่มีเมนูภาษาอังกฤษก็ใช้ Google Translate ส่องแปลเอาได้นะครับ

เมื่อกดสั่งแล้ว ซูชิจะวิ่งตามสายพานมาจอดที่โต๊ะเราเลย ไม่ต้องกลัวว่าจะหยิบผิด หรือหาเมนูที่เราสั่งไม่เจอนะครับ

Kappa Sushi ที่สั่งไว้ กินไป 11 จานเลย 55+

วันนี้เมนูผมสั่งเป็นซูชิหลากหลายหน้าเลย ทั้งแซลม่อน อูนิ ทูน่า ปลาไหล เรียกได้ว่าจัดเต็มหลังจากที่เดินเหนื่อยมาทั้งวัน แต่คุ้มค่าคุ้มราคามากครับ ถ้าใครที่ยังไม่เคยลองกินซูชิของ Kappa Sushi ก็แนะนำให้มาลองกันได้ครับ อร่อยดี ผมจัดไป 11 จานจุกๆ (บางอันอร่อยก็สั่งมากินซ้ำ เช่นอูนิ สดมาก) ค่าเสียหาย 3,036 เยนก็ถือว่ากำลังดีครับ

สรุป

เป็น One Day Trip ในเมือง Nagano ที่ได้ไปเที่ยวทั่วเลย เริ่มตั้งแต่นั่งบัสไปเที่ยวศาลเจ้าบนภูเขา Togakushi ทั้ง Togakushi Okusha (Main Shrine) และ Chusha (Middle Shrine) รวมถึงเดิน Trail ไปยังบ่อน้ำ Kagami-ike ที่สะท้อนน้ำเห็นวิวภูเขาและท้องฟ้าอย่างสวยงาม และจัดเต็มกับของกินทั้งราเมงร้าน Ramen Misoya และปิดท้ายวันด้วยซูชิสายพานที่ร้าน Kappa Sushi ก็จัดเต็มทั้งเดินและเรื่องกินเต็มอิ่มเลย ในตอนต่อไปผมจะเดินทางออกจากเมือง Nagano ไปเที่ยวกันต่อที่เมือง Minakami จังหวัด Gunma ฝากติดตามกันด้วยนะครับ Happy Travel!

--

--