รีวิวคอร์ส Omakase สุดคุ้ม 20 เมนู ที่ Tenyuu Sho, Emquartier ในราคาจับต้องได้
สวัสดีครับ ช่วงเดือนธันวา 2020 ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปกินโอมากาเสะครั้งที่สองในชีวิต (ก่อนหน้านี้เคยไปทานโอมากาเสะที่ประเทศญี่ปุ่นมา 1 ครั้งถ้วน 55) และเป็นครั้งแรกที่ได้ลิ้มรสคอร์สโอมากาเสะในไทยด้วยครับ โดยในครั้งนี้ผมเลือกไปทานที่ Tenyuu Sho ร้านอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมียม ที่ห้าง Emquartier ครับ
การเดินทางมาก็สะดวกมากครับ สามารถนั่งรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานีพร้อมพงษ์แล้วเดินเข้าห้าง Emquartier แล้วขึ้นลิฟท์มาที่ชั้น 8 โซน Helix เลี้ยวขวาออกมาจากลิฟท์เดินไม่กี่ก้าวก็จะเจอร้าน Tenyuu Sho แล้วครับ
โดยการจะมาทานโอมากาเสะที่ร้าน Tenyuu Sho นั้นเราจะต้องทำการโทรจองที่นั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วันนะครับ (ร้านจะไม่รับ Walk-in เพราะจะต้องให้เชฟทำการเตรียมวัตถุดิบตามจำนวนลูกค้าล่วงหน้า) และเราจะต้องมีการโอนมัดจำค่าอาหารก่อนด้วยครับ ส่วนค่ามัดจำเท่าไหร่นั้นขึ้นกับจำนวนคนที่เราจะมาทาน ซึ่งทางร้านจะแจ้งเราอีกทีตอนจะจองครับ
คอร์สโอมากาเสะที่นี่จะใช้เวลาทานทั้งหมดราวๆ 2 ชั่วโมงด้วยกันนะครับ โดยในวันธรรมดาทางร้านจะเปิดคอร์สทั้งหมด 3 รอบคือ 12–2pm, 3–5pm และ 6–8pm ส่วนในวันเสาร์อาทิตย์จะเปิดเพิ่มอีก 1 รอบ ตอน 5.30pm-7.30pm และขยับรอบสุดท้ายเป็น 8–10pm ครับ โดยในครั้งนี้ผมจองรอบเที่ยงไว้ คนไม่เยอะมากดีครับ
ก่อนเริ่มคอร์ส เชฟก็จะแนะนำตัว รวมถึงแจกเมนูให้เราสามารถสั่งเครื่องดื่มมาได้ ซึ่งที่นี่ก็จะมีเครื่องดื่มให้เราเลือกหลายแบบ ทั้ง Alcohol และ Non-Alcohol ผมได้สั่งน้ำผลไม้ Yuzu Soda ไว้ อร่อยดีครับ
จากนั้นเชฟก็จะให้เราดูว่าในคอร์สโอมากาเสะของเราในวันนี้ว่าจะมีการใช้วัตถุดิบอะไรบ้าง ซึ่งวัตถุดิบส่วนใหญ่นั้นก็จะนำเข้าส่งตรงมาจากญี่ปุ่นเลยครับ ในแต่ละเมนูที่เราจะทานกัน เชฟก็จะคอยอธิบายว่าได้นำวัตถุดิบแต่ละอย่างไปทำอะไรมาบ้าง บางเมนูก็ปรุงให้ดูต่อหน้าเลย ได้ดูและฟังคำอธิบายของเชฟแล้วก็รู้สึกเพลินๆ ดีครับ
มาเริ่มกันที่เมนูแรกของคอร์สจะเป็น “Junsai Kaki ซุปยอดอ่อนใบบัวหอยนางรม” เป็นเหมือนเมนูเรียกน้ำย่อย กระตุ้นให้เราเริ่มรู้สึกอยากทานอาหารครับ อร่อยดีครับ ตัวหอยไม่คาวเลย ส่วนเมนูที่ 2 จะเป็น “ไข่ตุ๋นมันปู (Chawan Kani miso)” เสิร์ฟมาในกล่องไม้ล้อมรอบไปด้วยกระดาษตัดเป็นเส้นเล็กๆ เหมือนรังนก ไข่ตุ๋นก็อยู่ในเปลือกไข่ไก่สีขาวที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่น แถมโรยหน้าด้วยเห็ดทรัฟเฟิลเบาๆ หอมดีครับ ตัวไข่ตุ๋นก็เนียนตามสไตล์อาหารญี่ปุ่นเลย
เมนูที่ 3 จะเป็น “ปลามาไดยำแบบเปรู (Madi Ceviche)” เชฟบอกว่านำปลามาไดไปทำการยำสไตล์อาหารอเมริกาใต้ หรือที่เราเคยอาจจะเคยได้ยินคำว่า “เซวิเช” (Ceviche) ตามพวกรายการ MasterChef นั่นเอง เนื้อปลาสดมาก ทานแล้วรู้สึกสดชื่น น้ำยำก็เปรี้ยวหวานกำลังดีเลยครับ ตัดเลี่ยนด้วยมะเขือเทศเข้ากันดี
เมนูที่ 4 เชฟภูมิใจนำเสนอแบบรมควัน นั่นคือ “ปลาบุรีรมควัน (Smoked Buri)” ก่อนเสิร์ฟเชฟนำปลาบุรีมารมควันให้เราดูกันสดๆ เปิดออกมาจะได้กลิ่นหอมรมควัน เสิร์ฟบนแผ่นเกลือที่เวลาเอาปลาไปถูๆ จะได้ความเค็มเพิ่มมา แต่มีมะนาวให้บีบตัดความเค็มได้ แถมมีวาซาบิสดให้ด้วยนะ กินแล้วไม่เผ็ดเลย
เมนูที่ 5 และ 6 จะเริ่มเป็นซูชิแล้ว โดยเมนูที่ 5 คือ “ซูชิชิมะอาจิซอสยูซุโคโช (Shima Aji with Yuzu Kosho)” และเมนูที่ 6 คือ “ซูชิอะกามิหมักซอสโชยุทรัฟเฟิล (Akami Tsuke Truffle Nigiri )” โดยเฉพาะเมนูที่ 6 นี้เป็นซูชิที่โรยด้วยเห็ดทรัฟเฟิลขูดให้ดูกันสดๆ ให้เยอะซะใจดีมากครับ
เมนูที่ 7 เป็น “หอยโฮตาเตะย่าง (Hotate Yaki)” เชฟย่างให้ดูสดๆ ทั้งไม้ (แต่ย่างกับเตาแก๊สนะ) แล้วเสิร์ฟแบบห่อสาหร่าย แนะนำให้ทานด้วยมืออร่อยสุดครับ หอมมาก
เมนูที่ 8 ยังคงอยู่กับหอย แต่เป็น “ข้าวหน้าหอยเป๋าฮื้ออออ (Awabi Muchi)” เสิร์ฟมาในฝาหอยเลยทีเดียว Presentation ดีงาม อร่อยดีครับ ส่วนเมนูที่ 9 คือ “ข้าวหน้าไข่หอยเม่น (Uni Don)” ชอบมากก เพราะส่วนตัวผมชอบทานอูนิมากๆ เลยครับ ไม่คาวเลย สดมาก กินแล้วอยากกินอีก 55
เมนูที่ 10 ครึ่งทางแล้ว เป็น “กุ้งญี่ปุ่นย่างซอสไข่ปลาเมนไทโกะ (Aka Ebi Mentaiko)” กุ้งซอสไข่ปลาเวลาย่างจะหอมมาก เชฟใช้ Gas Torch เบิร์นให้เราดูกันสดๆ เลย เมนูที่ 11 เป็นเมนูที่ผมชอบที่สุดในคอร์สนี้ซึ่งก็คือ “เส้นอุด้งผัดคาโบนารา (Udon Carbonara)” มีความมันและรสชาตินัวๆ อร่อยมาก ที่สำคัญคือมีอุนิโรยมาด้านบนด้วยจ้า เข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ ฟินสุดๆ
เมนูที่ 12 มาถึงสุดยอดวัตถุดิบของอาหารญี่ปุ่น นั่นคืออุนางิ หรือปลาไหลย่าง เอามาทำเป็น “ซูชิปลาไหลย่าง (Unagi Sushi)” เสิร์ฟในสไตล์เบอร์เกอร์แบบตะวันตก คือเอาปลาไหลย่างประกบข้าวสองฝั่ง (เหมือนขนมปังของเบอร์เกอร์) ส่วนของผมได้ Special คือประกบซ้ายขวาและด้านบนด้วย ปลาไหลย่างอร่อยสะใจมากครับ
เมนูที่ 13 เป็น “ข้าวหน้าเนื้อคาโงชิมา (Kagoshima Wagyu Don)” เสิร์ฟมาพร้อมกับไข่แดง กินแล้วเนื้อนุ่มมาก แทบจะละลายในปาก เข้ากันได้ดีกับไข่แดงสด เชฟโรยเกลือให้ดูแบบสดๆ ด้วย ฮาดีครับ รสชาติอร่อยถูกปากมากๆ
เมนูที่ 14 จะเป็น “ข้าวหน้าฟัวกราส์ (Foie Gras Don)” ผมเพิ่งเคยกินฟัวกราส์ครั้งแรกในชีวิตของจากโอมากาเสะนี่แหละครับ อร่อยดี ไม่มีกลิ่นคาวเลย ส่วนเมนูที่ 15 เชฟเสิร์ฟซุปมาล้างปากอาหารคาวที่กินติดๆ กันไปก่อนหน้านี้ด้วย “เต้าหู้สดทอดซอสอาคาเกะ (Tofu Akage)” เป็นเต้าหู้ทำสดเอาไปทอดแล้วมาทำเป็นซุป ขนาดปกติผมไม่ค่อยชอบทานเต้าหู้ พอทานซุปนี้เข้าไปแล้วรู้สึกว่าเต้าหู้ทำมาดีมากจริงๆ ครับ ได้ล้างปากอย่างที่เชฟบอกเลย
มาถึงเมนูท้ายๆ แล้ว เมนูที่ 16 จะเป็น “แฮนด์โรลโทโร่สับ (Neki Toro Temaki)” เป็นเมนูที่นำปลาโทโร่มาสับแล้วห่อกับข้าวเป็นโรลให้เรากินง่ายๆ ครับ ส่วนเมนูที่ 17 เป็น “ไข่หวานแบบญี่ปุ่น (Tamago Bate)” เป็นไข่หวานที่ไม่เหมือนใคร เพราะเชฟแปะ Logo ของร้าน Tenyuu Sho มาบนไข่หวานด้วยนะ อร่อยดีครับ เชฟบอกว่าเมนูนี้เป็นของคาว ไม่ใช่ของหวานนะ 555
เมนูสุดท้ายสำหรับของคาว เมนูที่ 18 เป็น “ซุปคอลลาเจนกระดูกปลา (Collagen Soup)” เป็นซุปที่เอาไว้ล้างปาก (อีกครั้ง) มีเนื้อปลาให้ทานด้วย อร่อยดี หอมมากด้วยครับ
สองเมนูสุดท้ายเป็นผลไม้และของหวาน ผลไม้ของคอร์สนี้จะเป็น “เมล่อนญี่ปุ่น (Japanese Melon)” เมล่อนสดและหวานดีมากครับ อยากบินไปกินต่อที่ญี่ปุ่นเลย และเมนูสุดท้ายจะเป็น “ไอศครีมซอฟต์เสิร์ฟเห็ดทรัฟเฟิล (White Truffle Soft Serve)” เป็นไอศครีมที่ทำจากนมฮอกไกโดแต่ความเจ๋งคือเอาเห็ดทรัฟเฟิลมาใส่ในไอศครีมด้วยย อร่อยแปลกไปอีกแบบครับ
หลังจากทานครบ 20 เมนูแล้วอิ่มกำลังดีเลยครับ ได้ทานอาหารจากวัตถุดิบหลากหลายเลย รสชาติก็อร่อย การเสิร์ฟรวมถึง Presentation จากเชฟก็ยอดเยี่ยมครับ ก็อยากจะแนะนำว่าถ้าใครที่อยากจะลองเริ่มทานโอมากาเสะเป็นครั้งแรก Tenyuu Sho ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจครับ ราคาไม่แพงมากจนเกินไป เริ่มต้นที่ 2,xxx บาท (ไม่รวมค่าเครื่องดื่มและ Service Charge นะครับ)
สามารถโทรจองคอร์สโอมากาเสะ ได้ที่ 095–2472899 หรือที่จะแอดไลน์มาคุยกับทางร้านที่เบอร์เดียวกันนี้ได้เลยครับ
นอกจากนี้ยังมีดีลที่เราสามารถทานคอร์สนี้ได้ในราคาพิเศษจากวงในด้วยครับ ราคาจะถูกกว่าจองตรงกับที่ร้านนิดนึง สนใจก็ลองอ่านเพิ่มเติมได้จากลิ้งค์ด้านล่างนี้เลยครับ https://www.wongnai.com/evouchers/28504
