รีวิว 33 ชั่วโมงของการเดินทางจากอเมริกากลับไทยด้วยสายการบิน American Airlines
สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมารีวิวสายการบิน American Airlines (หลังจากนี้จะขอเรียกสั้นๆ ว่า AA นะครับ) เดินทางจากอเมริกากลับมาเมืองไทยโดยแวะพักที่โตเกียวกันครับ ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาเดินทางรวมเวลาแวะพักทั้งหมดกว่า 33ชม. ซึ่งเป็นการเดินทางที่นานที่สุดในชีวิตของผมเลยครับ
เส้นทางการบินในวันนี้ผมเริ่มต้นที่เที่ยวบินภายในประเทศจากเมือง St Louis (STL) รัฐ Missouri มาเปลี่ยนเครื่องที่ Los Angeles (LAX) รัฐ California และหลังจากนั้นก็บินข้ามแคนาดาและมหาสมุทรแปซิฟิกมาลงที่สนามบิน Haneda (HND) ที่โตเกียว และต่อไฟลท์จากโตเกียวมาลงที่กรุงเทพฯ ด้วยสายการบิน Japan Airlines อีกทีนึงครับ
Check-in
ผมทดลองเช็คอินผ่านแอพของ American Airlines แต่โดนแจ้งว่าไม่สามารถเช็คอินได้ ก็แอบหวาดเสียวเล็กๆ ว่าตั๋วจะมีปัญหาอะไรมั้ยนะ สุดท้ายก็ต้องมาลุ้นการเช็คอินเอาที่สนามบินครับ
แต่สุดท้ายการเช็คอินที่สนามบินก็ผ่านไปได้ด้วยดี ที่สนามบิน St Louis Lambert Airport นี้ทุกอย่างเป็น Self-Service เกือบทั้งหมดเลยนะครับตั้งแต่การ Check-in ก็ทำผ่าน Kiosk ของสายการบิน หลังจากนั้นก็จะได้ Baggage Tag ปริ้นท์ออกมาให้เราแปะไว้ที่กระเป๋าของเราและก็โหลดเข้าสายพานไปได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องใช้คนเลยครับ เจ๋งมากๆ
เที่ยวบินในประเทศของผมตามกำหนดเดิมจะต้องออกเดินทางแต่เช้าเวลา 06:50 และมีเวลาต่อเครื่องบินที่ LA แค่ประมาณ 1 ชม. เท่านั้น แต่ก่อนวันเดินทาง 2–3 วันทางสายการบินก็ส่งอีเมลล์มาแจ้งเลื่อนเวลาเดินทางเร็วขึ้น 30 นาทีเป็น 06:20 ทำให้ผมมีเวลาต่อเครื่องมากขึ้นอีกครึ่งชม. รู้สึกใจชื้นขึ้นมานิดนึงครับ แต่ก็ยังกลัวต่อเครื่องไม่ทันอยู่ดี
การเดินทาง #1
Flight: AA236
Route: St Louis (STL) - Los Angeles (LAX)
Departure Time: 06:20 AM
Arrival Time: 8:52 AM
Duration: 4 hour 32 min
Aircraft: Boeing 737–800
Class: Group 7 (Economy Class)
ไฟลท์นี้บินด้วย Boeing 737–800 เครื่องบินทางเดินเดี่ยวรุ่นยอดฮิตจาก Boeing ที่เน้นทำการบินระยะสั้นถึงกลางครับ เครื่องออกตรงตามเวลาดีครับ โล่งใจไปเปราะแรกที่ไฟลท์ไม่ดีเลย์เพราะกลัวจะไปต่อเครื่องที่ LA ไม่ทันครับ
การจัดที่นั่งบนเครื่อง Boeing 737–800 ลำนี้เป็นแบบ 3–3 ครับ ค่อนข้างแน่นและอึดอัดพอสมควรครับ มี IFE (In-Flight Entertainment) ให้ดูผ่าน Application ของ AA ได้ครับ (ดูผ่าน WiFi On-Board) ส่วนอาหารก็จะเสิร์ฟเพียงแค่ Snack กับเครื่องดื่มให้เท่านั้น ซึ่งเป็นปกติของเที่ยวบินในประเทศทั่วๆ ไปครับ
สิ่งที่ผมประทับใจกับสายการบิน American Airlines ก็คือเจ้า Application ของสายการบินนี่แหละครับ ด้วยสถานการณ์ส่วนตัวของผมที่มีเวลาต่อเครื่องค่อนข้างน้อย (ประมาณ 1 ชม.ครึ่ง) ทำให้เป็นกังวลว่าจะต่อเครื่องไม่ทัน ซึ่งตัว App ของ AA นี้ทำให้ผมเบาใจได้ครับ เพราะมันแจ้งเตือนผมว่าเที่ยวบินที่ผมกำลังบินอยู่นี้จะ Landing ที่ Gate และ Terminal ไหน ซึ่งโชคดีที่ไฟลท์ถัดไปของผมนั้น Boarding ที่ Gate และ Terminal ติดกันกับ Gate ที่ไฟลท์ปัจจุบันนี้จะไปลงจอดพอดีเลยครับ ทำให้ผมไม่ต้องไปผ่าน Security Check ใหม่และสามารถเดินไปเตรียมขึ้นเครื่องในไฟลท์ถัดไปได้เลย โล่งอกเลยครับ นึกว่าจะต้องวิ่ง 4x100 ซะแล้ว
นอกจากนี้ เรายังสามารถติดตามสถานะของกระเป๋าเราที่โหลดไปตอนเช็คอินได้ด้วยครับ รู้หมดเลยว่าตอนนี้กระเป๋าของเราอยู่ที่ไหนแล้ว ผมเพิ่งเคยเห็นครั้งแรกในแอพของ AA นี่แหละครับ ชอบมากๆ เลยครับ
เวลาผ่านไปประมาณ 4 ชม.ครึ่ง กัปตันก็ Landing ที่สนามบิน Los Angeles International Airport (LAX) ก่อนเวลาเล็กน้อยครับ สนามบิน LAX นี้ใหญ่มากๆ ครับ มีทั้งหมด 8 Terminals (ใหญ่กว่าสุวรรณภูมิ 4–5 เท่าได้) ผมลงจากเครื่องโดยที่มองเห็นเครื่องบินของเที่ยวบินถัดไปของผมจอดรออยู่ข้างๆ แล้วครับ โล่งอกเลยครับ ไม่ตกเครื่องแว้วว
ผมมีเวลาในการรอต่อเครื่องประมาณ 1 ชม. ก็เดินเล่นช็อปปิ้งแถวๆ บริเวณ ใกล้ๆ Gate ของเที่ยวบินถัดไปของผมครับ มีสินค้าที่ระลึกของ LA น่าซื้อหลายอย่างเลย
การเดินทาง #2
Flight: AA27
Route: Los Angeles (LAX) - Tokyo (HND)
Departure Time: 10:25 AM
Arrival Time: 3:25 PM
Duration: 12:00 hour
Aircraft: Boeing 787–9 Dreamliner
Class: Economy Class
เที่ยวบินไปโตเกียววันนี้ AA จัดเครื่องบินใหม่มาให้เลยครับ Boeing 787–9 Dreamliner ลำใหม่เอี่ยม เพิ่งเริ่มให้บริการได้ประมาณ 2 ปีเท่านั้น โดยจัดที่นั่งมาให้แบบ 3–3–3 ครับ ทางสายการบินเปลี่ยนที่นั่งให้ผมจากเดิมที่ต้องนั่งตรงกลางเป็นมานั่งริมทางเดินตามที่ผมต้องการให้ด้วย ใจดีมากๆ เที่ยวบินวันนี้ผู้โดยสารค่อนข้างแน่นเต็มลำ ส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่นกับคนอเมริกันเจ้าถิ่นครับ
บนเครื่องมี In Flight Entertainment ครบครัน มีทั้งหนังใหม่ๆ ที่ชอบที่สุดคือมี Live TV On Board ให้ดูฟรีๆ ด้วยครับมีอยู่ 3–4 ช่องคือ Sport24, BBC World News, CNBC และ CNN ครับ ผมเลยมีโอกาสได้ดู NFL ถ่ายทอดสดบนเครื่องได้ด้วยครับ เรียกว่าดูได้ไม่เบื่อเลยครับ
บนเครื่องบินมีหมอน ผ้าห่ม หูฟังให้ผู้โดยสารทุกที่นั่ง รวมถึงมีพอร์ต USB ให้เสียบชาร์ตโทรศัพท์ได้ด้วยครับ ที่นั่งความกว้างประมาณ 17 นิ้วซึ่งผมมองว่าค่อนข้างแคบสำหรับเที่ยวบินระยะไกลแบบนี้นะครับ นั่งนานๆ ก็ต้องมีลุกไปยืดเส้นยืดสาย เข้าห้องน้ำกันบ้างครับ
อาหารมื้อแรกในเที่ยวบินนี้เป็นเมนูข้าวกับไก่อะไรซักอย่าง ไม่ค่อยอร่อยครับ ทานคู่กับผักสลัดและถั่วแระญี่ปุ่นครับ มีของหวานเป็น Cinnamon ชูโรสครับ
หลังจากทานข้าวเสร็จผมก็ดูถ่ายทอดสดอเมริกันฟุตบอล NFL ต่อเพลินๆ แล้วก็หลับไปครับ ตื่นมาอีกที พนักงานต้อนรับก็เตรียมจะเสิร์ฟอาหารมื้อที่สองซึ่งเป็นข้าวผัดผักถั่วอะไรซักอย่าง เหมือนเป็นอาหารมังสวิรัติเลยครับ ข้าวค่อนข้างแห้ง ทานแล้วต้องคอยจิบน้ำตาม ไม่ค่อยถูกใจอีกเช่นเคยครับ ทานกับผลไม้สด รสชาดพอใช้ครับ
หลังจากเดินทางข้ามทวีปกว่า 12 ชม. ก่อนเครื่องจะ Landing ก็มีการเสิร์ฟอาหารเป็นมื้อที่สาม แต่รอบนี้เป็นการแจก Snack Box แทนนะครับ และของหวานเป็นไอศครีม Gelato เป็นมื้อที่ผมชอบที่สุดในเที่ยวบินนี้เลยครับ อร่อยๆ
หลังจากทานเสร็จ กัปตันก็ลดระดับเพดานบินและ Landing ที่โตเกียวอย่างปลอดภัยในช่วงเวลาประมาณบ่ายสาม (เวลาท้องถิ่นที่โตเกียว) ผมมีเวลาเปลี่ยนเครื่องอีกประมาณ 9 ชั่วโมงที่นี่เลยจะขอเข้าไปเมืองไปเดินเล่น Shopping ย่าน Shinjuku ซักหน่อยครับ
ผมได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ภาคพื้นที่สนามบินฮาเนดะให้ช่วยออกเอกสารการขอผ่านเข้าเมืองแบบ Transit ให้ด้วยครับ โดยแจ้งว่าเรามีไฟลท์บินอีกทีในช่วงดึก เจ้าหน้าที่สนามบินก็บริการดีมากครับ ช่วยออกเอกสารให้เราและพาเราไปผ่านตม.ให้ด้วยครับ
ผมตั้งใจจะเดินทางไปช็อปปิ้งแถวย่าน Shinjuku กลางใจเมืองโตเกียว จึงเลือกใช้บริการรถไฟ Keikyu Line ในการเดินทางครับ ซึ่งรถไฟ Keikyu Line นั้นมี Pass ที่ทำร่วมกับรถไฟใต้ดินของโตเกียวตั้งชื่อว่า Tokyo Travel One Day Pass สามารถใช้เดินทางไปได้ทั่วโตเกียวด้วยรถไฟตามสายในรูปด้านล่างนี้ ในเวลา 1 วันกี่เที่ยวก็รอบก็ได้เลยครับ ราคา 800 เยน + ค่าเดินทางขากลับมาสนามบินอีก 410 เยน เหมาะสำหรับใครที่มีเวลาต่อเครื่องที่สนามบินฮาเนดะนานๆ ก็สามารถใช้ Pass นี้ในการเดินทางเข้าไปเที่ยวในเมืองโตเกียวได้ครับ คุ้มมากๆ
ผมได้แวะไปทานราเมงร้านดังอย่างร้านราเมงข้อสอบ Ichiran Ramen มาด้วยครับ รสชาดอร่อย น้ำซุปเข้มข้นเหมือนเดิม ฟินมากครับ ได้กินราเมงอุ่นๆ ในอากาศหนาวๆ แบบนี้
ทานเสร็จก็แวะเดินช็อปสินค้าแอปเปิ้ลที่ Apple Store สาขา Shinjuku มาด้วยครับ ขอบอกว่าสินค้าแอปเปิ้ลของที่นี่หลายๆ อย่างราคาถูกกว่าเมืองไทยด้วยนะครับ ผมได้ปากกา Apple Pencil มาใช้กับเจ้า iPad Pro ของผมด้วยครับ พนักงานที่นี่พูดภาษาอังกฤษสื่อสารได้ดี แนะนำสินค้าให้เราได้ด้วย ดีงามมากๆ ครับ
ผมเดินทางกลับสนามบินฮาเนดะก่อนเวลาไฟลท์ของผมประมาณ 2–3 ชั่วโมงเพราะต้องเผื่อเวลาช่วง Rush Hour ที่คนญี่ปุ่นเลิกงานแล้วรถไฟจะค่อนข้างแน่นครับ เมื่อกลับมาถึงสนามบินก็ทำการขอ Re-Print Boarding Pass ใหม่ซึ่งในครั้งนี้ผมจะบินกลับไทยด้วยสายการบิน Japan Airlines ซึ่งเป็นสายการบิน Partner ของ American Airlines อีกทีครับ
การเดินทาง #3
Flight: JL33
Route: Tokyo (HND) — Bangkok (BKK)
Departure Time: 00:05 AM
Arrival Time: 05:05 PM
Duration: 7 hour
Aircraft: Boeing 777–200ER
Class: Economy Class
เที่ยวบินกลับกรุงเทพฯของผมเป็นไฟลท์ดึกเลยครับ ใช้เครื่องบินรุ่น Boeing 777–200ER ผังที่นั่งจัดเรียงแบบ 3–3–3 ครับ ความกว้างที่นั่ง 17.5 นิ้วก็ตามมาตรฐานครับ ทุกที่นั่งก็จะมีผ้าห่ม หมอน หูฟัง และ IFE ทุกที่นั่งเหมือนเช่นเคยครับ
เครื่องบิน Take Off ตรงตามเวลาดีมากๆ ครับ หลังจากไต่ระดับได้ที่แล้ว ก็มีการปรับไฟในห้องโดยสารให้ผู้โดยสารได้พักผ่อนกันครับ เนื่องจากเป็นไฟลท์ดึกมากแล้ว
เวลาผ่านไป 4–5 ชม. ก่อนที่เครื่องจะ Landing ประมาณ 2 ชม. พนักงานต้อนรับก็เริ่มทำการเสิร์ฟอาหารเช้ากันครับ เมนูในวันนี้เป็นมื้อเบาๆ มี Omlette ทานกับขนมปังและโยเกิร์ตครับ รสชาดก็พอใช้ได้ครับ
พอทานเสร็จแล้ว กัปตันก็เริ่มลดระดับเพดานบินและ Landing ที่สนามบินสุวรรณภูมิอย่างปลอดภัย ถึงก่อนเวลาประมาณ 10 นาทีครับ ประมาณตี 4:55 เช้ามืดเลยครับ
ก็ถือเป็น 33 ชั่วโมงของการเดินทางที่ยาวนาน ทั้งเหนื่อยแต่ก็สนุกมากๆ ครับ ได้ประสบการณ์หลายๆ อย่างเลยครับ ไว้มีโอกาสจะมาเขียนรีวิวเล่าการท่องเที่ยวในอเมริกาให้ได้อ่านกันอีกนะครับ วันนี้ขอตัวก่อนครับ สวัสดีครับ :)