รีวิวไป Hiking ที่ Hallasan National Park ที่เกาะเชจู เกาหลีใต้
สวัสดีครับ บทความนี้จะขอพาทุกคนไป Hiking ขึ้นเขากันที่ Hallasan National Park ที่เกาะเชจู ประเทศเกาหลีใต้กันครับ ซึ่งเป็นการไป Hike ที่อุทยานแห่งชาติฮัลลาซานเป็นครั้งที่สองของผมแล้ว แต่คนละฤดูกาลกัน โดยครั้งแรกผมมาในช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2017 ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อน ส่วนในครั้งนี้ 5 ปีผ่านไปผมกลับมาที่นี่อีกครั้งเพื่อมา Hike ในช่วงที่สวยที่สุดของปีคือในฤดูใบไม้ร่วงช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาครับ ซึ่งก็ได้เห็นความสวยที่แตกต่างไปมากๆ เลยครับ
รู้จัก Hallasan National Park กันก่อน
อุทยานแห่งชาติฮัลลาซาน ตั้งอยู่ใจกลางเกาะเชจู เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 9 ของประเทศเกาหลีใต้นับตั้งแต่ปีค.ศ. 1970 และภูเขาฮัลลาซานยังเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศเกาหลีใต้อีกด้วย โดยจุดสูงสุดมีความสูงกว่า 1,947 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
นอกจากนี้อุทยานแห่งชาติฮัลลาซานยังได้รับการประกาศเป็นเขตสงวนชีวมณฑลหรือ Biosphere Reserve โดยองค์การ UNESCO อีกด้วย ที่นี่มีพืชพันธุ์หลากหลายชนิดแปลกๆ ที่เราไม่เคยเห็นได้ในประเทศไทยหลายชนิดเลยครับ
ที่นี่ยังเป็น Landmark ที่สำคัญของเกาะเชจูเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อคุณนั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบินนานาชาติเกาะเชจูนั้นจังหวะที่เครื่องบินกำลังจะ Landing เราจะได้เห็นภูเขาฮัลลาซานตั้งตระหง่านอยู่กลางเกาะอย่างเห็นได้ชัด (ในวันที่ฟ้าเปิด) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเกาะเชจูที่นักท่องเที่ยวหลายๆ คนก็อยากจะมาได้มาเที่ยวชมซักครั้งในชีวิต เรียกว่าไม่ว่าจะมองจากจุดไหนในเกาะเชจูก็จะเห็นภูเขาฮัลลาซานได้อย่างชัดเจนครับ
ภูเขาฮัลลาซานเกิดจากการประทุของภูเขาไฟในอดีตจนเกิดการไหลรวมกันของลาวาจนกลายเป็นภูเขาในรูปทรงของ Shield Volcano คือเห็นเป็นลักษณะเป็นปล่องภูเขาไฟที่บริเวณจุดตรงกลางของภูเขา สวยงามมากๆ
Hiking Trails ที่ Hallasan National Park
ที่อุทยานแห่งชาติฮัลลาซานแห่งนี้เปิดให้ประชาชน นักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถมาเดิน Hiking ได้ฟรีนะครับ มีการสร้าง Trails สำหรับการ Hiking รวมทั้งหมด 7 เส้นทาง ซึ่งแต่ละเส้นทางก็จะมีความยากง่ายในการเดินและระยะทางและเวลาที่ใช้ในการ Hike ที่แตกต่างกันครับ
- Eorimok Trail (어리목탐방로) อ่านว่า “ออริมก” เป็นเส้นทางที่มีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยมากๆ ครับ ระยะทางรวมไปกลับ 6.8 km ใช้เวลาเดิน 3 ชม. (one-way) ระดับความยาก: ง่ายเป็นส่วนใหญ่
- Yeongsil Trail (영실탐방로) อ่านว่า “ยองชิล” ระยะทางรวม 5.8 km ใช้เวลารวม 2 ชม. ครึ่ง เส้นทางจะเยื้องลงไปทางฝั่งเมือง ซอควีโพด้านใต้ของเกาะครับ ระดับความยาก: ง่ายเป็นส่วนใหญ่
- Gwaneumsa Trail (관음사탐방로) อ่านว่า “ควันอึมซา” ระยะทางรวม 8.7 km ใช้เวลาเดิน 5 ชม. และเส้นทางนี้จะต้องทำการจองล่วงหน้ามาที่อุทยานก่อนวันเดินทางด้วยครับ ซึ่งเส้นทางนี้มีความความยากสูง ทางอุทยานแนะนำให้จองเข้ามาให้ลักษณะ Group Tour จะดีกว่าครับ
- Seongpanak Trail (성판악탐방로) อ่านว่า “ซองพานัก” เป็นเส้นทาง Hike ที่ไปใกล้จุดปากปล่องภูเขาไฟมากที่สุด ระยะทางรวม 9.6 km ใช้เวลาเดินรวม 4 ชม.ครึ่ง ระดับความยาก: สูง ทำให้จะต้องมีการจองล่วงหน้าเข้ามาก่อนเช่นกัน และทางอุทยานก็แนะนำให้มา Hike แบบกลุ่ม หรือ Group Tour เพื่อป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดอันตรายหรือการบาดเจ็บที่อาจะเกิดขึ้นได้
- Donnaeko Trail (돈내코 탐방로) อ่านว่า “ดนแนโก” เป็นเส้นทาง Hike จากฝั่งเมืองซอควีโพขึ้นมาทางด้านบน ระยะทางรวม 7 km ใช้เวลาเดิน 3 ชม. ครึ่ง ระดับความยาก: ปานกลาง
- Seokgulam Trail (석굴암 탐방로) อ่านว่า “ซอกกูรัม” เป็นเส้นทาง Hike ระยะสั้น 1.5km ใช้เวลาเดินแค่ 50 นาที เหมาะกับใครที่อาจจะมีเวลาไม่มากและอยากมาสัมผัสการเดินที่อุทยานแห่งชาติฮัลลาซาน ก็ลองมาเดินในเส้นทางนี้ได้ครับ
- Eoseungsaengak Trail (어승생악 탐방로) อ่านว่า “ออซึงเซงอัก” เป็นเส้นทางการเดิน Hike ที่สั้นที่สุดในฮัลลาซาน ด้วยระยะทาง 1.3 km ใช้เวลาเดินเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่อยากมาเดินชมธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติฮัลลาซานแห่งนี้ครับ
โดยในรีวิวนี้ ผมเลือกเส้นทาง Hike โดยเริ่มเข้าอุทยานแห่งชาติฮัลลาซานที่ “Eorimok Trail” เดินไปจนถึงจุดชมวิว “Witseoreum (윗세오름)” และทำการเดินลงผ่านเส้นทาง “Yeongsil Trail” รวมระยะทางทั้งหมดประมาณ 8.46 km ใช้เวลาในการเดินรวมทั้งหมด 2 ชั่วโมงกับอีก 38 นาทีครับ
การเตรียมตัว
ที่อุทยานแห่งชาติฮัลลาซานนี้จะไม่มีจุดขายน้ำ เครื่องดื่มรวมถึงอาหารบนอุทยานนะครับ รวมถึงถังขยะต่างๆ ก็ไม่มีตลอดเส้นทางเช่นกันเพื่อเป็นการรักษาความสะอาดและอนุรักษ์ธรรมชาติไว้ให้ได้มากที่สุด ดังนั้นเราจึงจะต้องเตรียมตัว เตรียมฟิตร่างกายมาให้พร้อม รวมถึงเตรียมอาหาร น้ำและเครื่องดื่มต่างๆ มาเองรวมถึงถุงขยะมาเพื่อใส่ขยะ รวมถึงเศษอาหารต่างๆ ที่เราทานระหว่างการ Hiking เพื่อเก็บลงไปทิ้งที่บริเวณ Information Center บริเวณทางเข้าของอุทยานด้วยตัวเองนะครับ
รองเท้าที่ใช้เดิน Hiking ควรเป็นรองเท้า Hiking โดยเฉพาะที่ทนทานต่อการเดินป่า รวมถึงควรจะกันน้ำ (ในกรณีที่มาเดินในฤดูหนาวที่อาจจะมีหิมะตกบนภูเขา) หรืออย่างน้อยๆ ก็ควรเป็นรองเท้าผ้าใบที่หนานิดนึงเพื่อช่วยรองรับแรงกระแทกที่เราใช้เดินได้ดี เพราะภูมิประเทศของภูเขาฮัลลาซานจะมีบางส่วนเป็นหินขนาดใหญ่ และบางจุดที่มีความชื้นพื้นก็อาจจะมีความลื่นได้ ดังนั้นควรเตรียมรองเท้าที่ออกแบบมาให้ใช้สำหรับเดินป่าโดยเฉพาะน่าจะดีกว่าครับ
การแต่งตัวก็ตามฤดูกาล ถ้าเป็นช่วงฤดูหนาว ฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้ผลิ ที่อากาศเย็นควรเตรียมเสื้อกันหนาวหรืออย่างน้อยก็เสื้อกันลมมาด้วยครับ เพราะอากาศบนภูเขาจะเย็นกว่าอากาศบนพื้นราบที่เมืองเชจูหรือซอควีโพ และเตรียมหมวกหรือทาครีมกันแดดมาก่อนที่จะมา Hike เพราะแดดที่นี่ค่อนข้างแรงอยู่ครับ
การเดินทาง
การเดินทางมา Hike ที่อุทยานแห่งชาติฮัลลาซานสามารถมาได้ทั้งการขับรถส่วนตัว เช่นในตัวอย่างทริปนี้ของผมก็สามารถขับรถมาจอดที่ Eorimok Entrance ได้เลย ใช้เวลาขับจากตัวเมือง Jeju City ประมาณ 40 นาที แต่ถ้าขับรถส่วนตัวมาแนะนำว่าให้เดินขึ้นและลงที่จุดเดียวกันนะครับ เช่นถ้าขึ้นที่ Eorimok ก็ควรจะลงที่ Eorimok (คือใช้ Trail เส้นทางเดียวกันทั้งขาขึ้นและลงจากอุทยาน) เพราะแต่ละจุดทางขึ้นลง Trail นั้นจะอยู่ห่างไกลกันมากๆ
แต่ถ้าใครแพลนว่าจะขึ้นและลงคนละ Trail กันแนะนำว่าให้เดินทางด้วยขนส่งมวลชนอย่างรถบัสมาลงที่อุทยานแห่งชาติฮัลลาซานได้เลย โดยในทริปนี้ผมนั่งรถบัสสาย 240 จาก Jeju Bus Terminal มาลงที่ป้าย Eorimok Entrance (어리목입구삼거리) ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. แล้วเดินต่ออีกประมาณ 20 นาทีเพื่อไปถึง Eorimok Entrance ครับ
แต่ถ้าใครจะเดินทางด้วยรถบัส ขอแนะนำให้มาเช็ครอบรถกันก่อนที่ Jeju Bus Terminal นะครับ เพราะรถจะออกแค่ชั่วโมงละรอบเท่านั้น ซึ่งเวลาก็อาจจะมีการปรับเปลี่ยนไปในแต่ละฤดูกาลครับ เพราะถ้ามาเลทก็บอกได้เลยว่าต้องรออีกเป็นชม.เลยครับ
เริ่มต้น Hike ที่ Eorimok Trail
รถบัสจะวิ่งบนถนนสาย 1100 ให้เรามาลงที่ป้าย ออริมกอิพกู (어리목입구) ก็จะเห็นป้ายทางเข้าอุทยานแห่งชาติฮัลลาซานแบบนี้ครับ
เมื่อลงจากรถบัสแล้วเราจะต้องเดินต่อไปเพื่อเข้าอุทยานอีกนะครับ ใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาทีได้ เส้นทางเดินจะมี Trail แยกออกมาและได้ชื่นชมกับบรรยากาศใบไม้ปลี่ยนสีสวยงามสองข้างทางครับ
เมื่อมาถึง Eorimok Entrance ก็จะมีจุดให้เราได้พักเข้าห้องน้ำ เตรียมตัวเข้าอุทยานกัน แต่ที่นี่จะไม่มีของขายใดๆ นะครับ ควรจะเตรียมมาจากในเมืองเลย ที่สำคัญคือเราควรจะถ่ายรูปเที่ยวรถบัสขากลับรวมถึงเวลาเข้าออกอุทยานเก็บไว้ด้วยครับ เพราะทางอุทยานก็จะมีกฎให้นักท่องเที่ยวทุกคนต้องออกจากอุทยานก่อนพระอาทิตย์ตกด้วยครับ
รอบของรถบัสสาย 240 ขากลับเมือง Jeju City (ล่าง) ซึ่งเป็นภาษาเกาหลีครับ ผมดูรอบรถบัสขากลับจาก Yeongsil Trail ไว้คือช่วงเวลาประมาณ 14:36 ซึ่งจะช่วยทำให้เราแพลนเวลาที่จะใช้ระหว่างการ Hike ได้ดีมากขึ้นครับ
เมื่อเราเดินเข้ามาตาม Trail ได้แปบนึงเราก็จะผ่าน Eorimok Valley (어리목계곡) ซึ่งเป็นจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดจุดหนึ่งของอุทยานแห่งชาติฮัลลาซานเลย สะพานที่อยู่ในรูปมีชื่อเรียกว่า ออริมก มกกโย (어리목 목교) นะครับ เป็นไฮไลท์ของ Eorimok Trail นี้เลย
หลังจากนั้นเราเดินขึ้นเขากันต่อ ทางจะเริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ และต้องใช้แรงในการค่อยๆ เดินขึ้นเขาอยู่พอสมควรครับ แต่ทางดีเดินได้สบายหายห่วงเลย ผมเดินต่อไปถึง Sajebidongsan (사제비동산) ถึงจะเริ่มเห็นทางที่ไม่ค่อยชันมากแล้วครับ ซึ่งระหว่างทางจะมีจุดให้เราสามารถหยุดแวะพักได้เรื่อยๆ เลยนะครับ
และผมก็เดินขึ้นมาถึงอีกจุดของ Eorimok Trail ก็คือ Masedongsan (마세동산) ถึงตรงนี้เราจะเริ่มเห็นจุดชมวิววิตเซโอรึมของฮัลลาซานแล้วนะครับ และได้เห็นพืชหลากหลายพันธุ์แปลกๆ ที่เราไม่เคยเห็นที่ไทยมาก่อนด้วยครับ
จากมาเซดงซันเราจะต้องเดินต่ออีกประมาณ 1.5km เพื่อไปถึงจุดพักใหญ่ของอุทยานแห่งชาติฮัลลาซาน นั่นก็คือ “วิตเซโอรึม เชลเตอร์” (윗세오름) นั่นเอง
จุดแวะพักที่วิตเซโอรึม (Witseoreum Shelter)
ที่วิตเซโอรึมนี้จะเป็นจุดแวะพักใหญ่ของอุทยานแห่งชาติฮัลลาซาน จะมีนักปีนเขามาแวะพักที่นี่กันมากมาย มีห้องน้ำให้เข้า แต่ไม่มีน้ำให้ล้างมือนะครับ เราจะต้องเตรียมน้ำมาล้างมือกันเอง
ช่วงที่ผมไป Hike ที่นี่มีน้องๆ เด็กนักเรียนมาปีนเขาเป็นเพื่อนร่วมทางด้วยครับ เด็กๆ และคุณครูก็มานั่งพักผ่อนกันหลังจาก Hike กันมาเหนื่อยๆ ที่วิตเซโอรึมแห่งนี้เช่นกัน
และถ้าใครมาถึงวิตเซโอรึมแล้วต้องอย่าลืมมาถ่ายรูปกับป้ายที่จุดนี้นะครับ เพราะบริเวณนี้อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1,700 เมตรแล้ว
ลงจากภูเขาฮัลลาซานที่ Yeongsil Trail
จากวิตเซโอรึมเราสามารถเดินขึ้นเขาต่อขึ้นไปเพื่อไปดู Peak View Point ของฮัลลาซานได้อีกนะครับ ขึ้นไปอีกประมาณ 2 km แต่เราอยากจะรักษาเวลาเพื่อลงเขาไปให้ทันรอบรถบัสที่ผมวางแผนไว้ช่วงบ่าย เราเลยจะเลี้ยวลงจากเขาผ่านเส้นทางของ Yeongsil Trail ได้จากจุดนี้ได้เลย
ทางลงเขาของ Yeongsil Trail ช่วงแรกนั้นจะเดินง่ายมากครับ เป็นทางราบเสียเป็นส่วนใหญ่ เมื่อมองกลับไปก็ยังจะมองเห็นวิวของวิตเซโอรึมสวยๆ แบบนี้อยู่เลย
พอเราเดินลงไปเรื่อยๆ ก็จะมาถึงส่วนที่เป็น Byeongpungbawi (병풍바위) พยองพุงบาวี ซึ่งจะเป็นภูเขาที่มีลักษณะเป็นหิน (คำว่า bawi ภาษาเกาหลีแปลว่าหินครับ) ซึ่งทางก็จะเป็นหินค่อนข้างแหลมและชันพอสมควรครับ ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินดีๆ เลยนะครับ
แต่เมื่อมองดูวิวจากจุดนี้แล้วก็จะพบว่าวิวสวยมาก เราจะได้เห็นภูเขาที่เรียงตัวเป็นชั้นหินสวยๆ แบบนี้เลยครับ
เส้นทางลงเขาในช่วงนี้ค่อนข้างชันครับ ทางอุทยานจะมีการทำเชือกไว้ให้เราคอยจับเพื่อให้เดินได้สะดวกมากยิ่งขึ้นตลอดสองข้างทาง แนะนำให้จับไว้ตลอดเลยครับ เพราะหินค่อนข้างก้อนใหญ่และมีโอกาสที่เราจะก้าวพลาดและล้มได้เลย
และช่วงนี้เราก็จะเริ่มเห็นใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ อีกครั้งครับ ธรรมชาติที่นี่ได้รับการดูแลและรักษาไว้อย่างดีจริงๆ แต่ช่วงที่ผมไปในโซนนี้ใบไม้ร่วงไปค่อนข้างเยอะแล้ว ฝั่ง Eorimok ดูจะเป็นจุดที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีสวยกว่าในความเห็นส่วนตัวนะครับ
ช่วงที่เป็น พยองพุงบาวี นี้จะค่อนข้างยาวครับ ประมาณ 1.5 km นักท่องเที่ยวจะต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินค่อนข้างมากครับ ทำให้ใช้เวลาในการเดินลงนานพอสมควร
และแล้วผมก็เดินกลับลงมาถึงที่ Yeongsil Entrance เป็นที่เรียบร้อยครับ
ที่ Yeongsil Entrance ตรงนี้จะแตกต่างกับ Eorimok Entrance ตรงที่ว่าที่นี่จะมี Office ด้วยครับ มีเจ้าหน้าที่อุทยานคอยให้คำแนะนำ มีห้องน้ำ รวมถึงร้านสะดวกซื้อให้เราสามารถซื้อของเพื่อเตรียมไปเดิน Hike ได้ด้วยครับ (สำหรับคนที่มาขึ้นทาง Yeongsil Trail)
จาก Yeongsil Management Office ตรงนี้ผมจะต้องเดินลงไปอีกประมาณ 25 นาทีเพื่อไปขึ้นรถบัสกลับ Jeju City ที่ป้ายยองชิลอิพกู (Yeongsil Entrance) ซึ่งระหว่างที่เดินลงก็จะมีใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ ให้เราได้ชมวิวได้ตลอดสองข้างทางช่วยให้เราหายเหนื่อยจากการ Hiking ได้ดีเลยครับ
และผมก็เดินลงมาถึงป้ายรถบัส Yeongsil Entrance เพื่อรอรถบัสสาย 240 สายเดียวกับขามาเพื่อเดินทางกลับ Jeju City ใช้เวลาอีกประมาณ 50 นาทีนะครับ ซึ่งผมเช็ครอบรถบัสไว้ตอน 14:36 และรถบัสก็มาถึงป้ายตรงเวลาเป๊ะมากๆ เลยครับ
สรุป
ก็เป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่ผมได้มีโอกาสมา Hiking ในต่างประเทศที่อุทยานแห่งชาติฮัลลาซานเลยนะครับ ในการมา Hike ครั้งนี้เดินไปทั้งหมด 8.46 km ได้ Elevation Gain ไปถึง 701 เมตรเลยครับ และอากาศก็กำลังดีเลยนะครับ ประมาณ 10 องศา เหมือนจะหนาวแต่เมื่อเรา Hike ไปนานๆ แล้วกำลังดีเลยครับ ทางอุทยานแห่งชาติฮัลลาซานก็บอกว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่มา Hike ที่นี่ก็คือช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายนของทุกปี เพราะอากาศกำลังดีและมีใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามมากๆ ใครที่แวะมาเที่ยวเกาะเชจูถ้ามีโอกาสก็อย่าลืมมาลองสัมผัสธรรรมชาติอันสวยงามที่ Hallasan National Park กันดูนะครับ Happy Hiking!