รีวิวลุยเดี่ยวเที่ยวคิวชูญี่ปุ่น 10 วัน 9 คืนโดยใช้ JR Kyushu Pass และ SunQ Pass EP.7 (ตอนจบ)

Traitanit Huangsri
5 min readMay 12, 2024

--

ในที่สุดก็มาถึง EP สุดท้ายของการไปเที่ยวภูมิภาคคิวชูญี่ปุ่นคนเดียวของผมแล้ว หลังจากที่ในตอนที่แล้ว ผมเดินทางจากเมืองคุมาโมโตะกลับมายังฟุกุโอกะเพื่อเก็บตกเที่ยวฟุกุโอกะในวันที่เหลือครับ สำหรับใครที่อาจจะเพิ่งเข้ามาอ่านบทความนี้เป็นครั้งแรก สามารถย้อนไปอ่านตอนก่อนหน้านี้ได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

Day9: Shopping Day ใน Fukuoka

เช้าวันที่ 9 ของทริปนี้เป็นวันที่มีฝนตกตลอดทั้งวัน ผมเลยต้องเปลี่ยนแพลนไปช้อปปิ้งในฟุกุโอกะแทนครับ เพราะออกไปเที่ยวข้างนอกคงจะเปียกแฉะไปหมดเลย

วิ่งยามเช้าจาก Hakata-Tenjin Central Park

เช้านี้ก่อนที่ฝนจะตกในช่วงสาย ผมไปวิ่งออกกำลังกายยามเช้าเช่นเคย วันนี้วิ่งจากย่าน Hakata ไปยังย่าน Tenjin วิ่งเลียบแม่น้ำ Naka บรรยากาศดีมากครับ เพราะอากาศเย็นกำลังดี 10 กว่าองศา วิ่งไปจนถึง Tenjin Central Park เลยครับ ที่นี่เป็นสวนสาธารณะเล็กๆ อยู่ใจกลางเมืองฟุกุโอกะ มีพื้นที่สีเขียวให้คนมานั่งพักผ่อนหย่อนใจ เดินออกกำลังกายได้ ดีมากครับ หลังจากออกกำลังกายเสร็จ เมฆฝนก็ตั้งเค้ามากำลังจะตกแล้ว และเริ่มตกในช่วงสายๆ

สำหรับการเดินทางในวันนี้ ผมเลือกซื้อพาสรถบัสแบบเหมาๆ พาสนี้มีชื่อว่า “Fukuoka City 24-Hour Pass” เป็นพาสนั่งรถเมล์ท้องถิ่น (Local Bus) ของ Nishitetsu Bus ใช้ได้ในเขตเมืองฟุกุโอกะ โดยนับเวลาใช้งานพาสเป็น 24 ชม.​ เช่นสมมติเราเริ่มใช้พาสวันที่ 1 ตอน 10:00 ก็จะสามารถใช้ได้ถึงวันที่ 2 09:59 เลย ผมจึงแพลนใช้พาสนี้สำหรับนั่งรถบัสไปที่สนามบินในเช้าวันสุดท้ายของทริปนี้ด้วย เรียกได้ว่าคุ้มสุดๆ เหมาะกับใครที่อยากจะเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วในเขตเมืองฟุกุโอกะก็ถือว่าไปได้หมดเลยครับ รวมถึงไปสนามบินฟุกุโอกะได้ด้วย

Fukuoka City 24-Hour Pass

เราสามารถซื้อพาสนี้ได้ผ่านแอพพลิเคชัน My Route ดาวน์โหลดได้ทั้งบน iOS และ Android สามารถจ่ายเงินในแอพด้วยบัตรเครดิตได้เลย หลังจากซื้อพาสแล้วเราสามารถเลือกได้ว่าจะเริ่มใช้พาสเมื่อไรด้วยครับ และเมื่อเรากดเริ่มใช้พาส ตัวแอพก็จะนับถอยหลังทันทีครับ

หยิบตั๋วรถเมล์แบบกระดาษติดตัวตอนขึ้นมาด้วยนะครับ

วิธีการใช้งานพาสนี้ก็ง่ายมากครับ เมื่อขึ้นรถบัสให้เราหยิบตั๋วกระดาษ (Number Ticket) มาด้วย และเมื่อถึงป้ายที่เราจะลงก็ให้ยื่นตั๋วพร้อมกับโชว์พาสบนแอพในมือถือให้คนขับดูก็เป็นอันเรียบร้อยครับ ง่ายมาก

Shopping ที่ Tenjin

เริ่มที่แรกที่จะมาเดินช้อปก็คือย่าน Tenjin ที่นี่เป็นย่านที่เป็นศูนย์รวมของแหล่งช้อปปิ้งของเมืองฟุกุโอกะเลยก็ว่าได้ มีทั้งห้าง ร้านค้า แบรนด์ช็อปต่างๆ ครบครัน ฟีลเหมือนมาเดิน Shinjuku ประมาณนั้นครับ ห้างแรกที่ผมมาเดินคือที่ห้าง Mitsukoshi ซึ่งเป็นห้างในเครืออีเซตัน (Isetan) ฟีลเหมือนมาเดินเซ็นทรัลบ้านเราประมาณนั้นครับ มีพวกแบรนด์ช็อปเยอะ นอกจากนี้สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เราสามารถยื่นพาสปอร์ตเพื่อสมัครบัตร Isetan Mitsukoshi Guest Card ได้ฟรีซึ่งมีสิทธิประโยชน์ที่สามารถได้รับส่วนลด 5% เพิ่มเติมเมื่อซื้อสินค้าในห้างเครือ Isetan, Mitsukoshi ทั่วประเทศญี่ปุ่นเลย และบัตรยังมีอายุถึง 3 ปีเก็บไว้ใช้ได้หลายทริปเลยครับ ก็แนะนำสำหรับใครที่เป็นสายช็อปก็ทำติดไว้ก็ไม่เสียหายครับ เพราะมันสมัครฟรี สามารถไปสมัครได้ที่ Tax Free Counter ในห้างเครือ Isetan Mitsukoshi ได้เลยครับ ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่นี่

IsetanMitsukoshi Guest Card สำหรับนทท.ต่างชาติ

ผมเดินเล่นในห้างแถวนั้นต่อก็ไปเจอชั้นใต้ดินของห้างไดมารุ(Daimaru) มีข้าวกล่อง Bento ขายเยอะมาก น่ากินทุกร้านเลยครับ เมนูเบนโตะนอกจากจะมีเมนูที่เราคุ้นเคยอย่างข้าวปั้น ข้าวหน้าเนื้อต่างๆ ก็ยังมีเมนูที่เป็นเมนูเพื่อสุขภาพด้วยนะ ผมซื้อเซ็ตข้าวกล่องเมนู Healthy หน่อยมากิน มีทั้ง Avocado กุ้งซอสหวานโรยถั่ว อร่อยดีครับ

หลังจากซื้อข้าวกล่องเบนโตะเรียบร้อย ผมก็จะเดินทางต่อไปยัง Outlet Mall ของเมืองฟุกุโอกะอย่าง Marinoa City Fukuoka ขึ้นบัสที่ป้ายหน้าห้าง Mitsukoshi Tenjin ได้เลย ใช้เวลาราวครึ่งชม.ในการเดินทาง

มาถึงที่ Marinoa City Fukuoka ตอนนี้ฝนตกหนักเลยครับ ที่นี่จริงๆ แล้วจะมีชิงช้าสวรรค์ Ferris Wheel ให้บริการด้วย แต่พอฝนตกหนักเลยทำให้ชิงช้าหยุดให้บริการด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัยครับ

Sky Dream Fukuoka

ที่ Marinoa City Fukuoka นี้ก็มีร้านค้า Outlet จำนวนมาก ทั้ง Local แบรนด์ญี่ปุ่นเองและ Inter แบรนด์ก็มีให้เลือกเยอะ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกแบรนด์เสื้อผ้าเยอะมากๆ ครับ เป็น Outlet Mall อีกที่ๆ อยู่ไม่ไกลจากใจกลางเมืองฟุกุโอกะเลย

Marinoa City Fukuoka

ส่วนตัวผมชอบเดินร้านพวกขายอุปกรณ์กีฬา ก็ไปเจอร้าน Sports DEPO ซึ่งเป็นร้านที่รวมอุปกรณ์กีฬาสไตล์เหมือนเวลาเราไปเดินพวก Home Depot ในอเมริกาเลย ก็คือของเยอะมากๆ มีหลากหลายแบรนด์ให้เราเลือกจุใจ แถมราคาก็ยังโอเคมากด้วยครับ สามารถขอทำ Tax Refund ได้เมื่อซื้อของบิลรวม 5,000 เยนครับ

เครปร้าน Dipper Dan อร่อยมาก

หลังจากช็อปเสร็จก็หาขนมกินหน่อยครับ เดินไปเจอร้านเครปเจ้านี้ “Dipper Dan” เป็นร้านเครปแป้งนุ่มหน้าผลไม้ชื่อดังของญี่ปุ่น มีให้เลือกหลายรสเลย ส่วนใหญ่เป็นผลไม้ ผมเลือกเป็นรสสตรอเบอรี่กับบราวนี่ อร่อยมากครับ ราคาก็ไม่แพงครับ ถ้าใครผ่านไปเจอร้านนี้อย่าลืมลองชิมกันดูนะ ไม่ผิดหวังแน่นอน

หลังจากที่เดินช้อปที่ Marinoa City Fukuoka แล้วฝนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก พยากรณ์อากาศแม่นเป๊ะมากว่าฝนจะตกตลอดทั้งวันครับ ผมเลยตัดสินใจเดินทางไปเดินเล่นอีกห้างหนึ่งที่มีชื่อว่า “Mark is Fukuoka” เรียกได้ว่าเป็นวันที่ตะลอนเดินห้างในฟุกุโอกะทั้งวันเลย เพราะออกไปเที่ยวข้างนอกไม่ได้เลย และแน่นอนว่าผมใช้พาสรถบัสเดินทางอีกเช่นเคย ใช้เวลาจาก Marinoa City ไปถึงห้าง Mark is นั่งบัสสาย 333 ต่อเดียวถึงเลย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 25 นาทีก็ถึงแล้วครับ

บรรยากาศในห้าง Mark Is

Mark is หรือในชื่อเต็ม Mark is Fukuoka Momochi เป็นห้างเปิดใหญ่ในฟุกุโอกะ เพิ่งเปิดให้บริการช่วงปี 2018 นี้เอง ถือว่ายังใหม่อยู่เลย ตั้งอยู่ย่าน Jigyohama ใกล้ๆ กับ Momochi Seaside Park ที่เราไปเที่ยวกันมาในตอนที่แล้วเลยครับ ที่นี่เป็นศูนย์รวมสินค้าหลากหลายมาก ทั้งเครื่องใช้ตกแต่งบ้าน (Nitori) เสื้อผ้า (GU, Uniqlo) สินค้าราคาประหยัด (Can do) รองเท้าอุปกรณ์กีฬา (ABC-Mart Grand Stage) รวมถึงศูนย์บริการของรถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อ Tesla ของฟุกุโอกะก็ตั้งอยู่ที่ห้างแห่งนี้ นอกจากนี้ข้างๆ ตัวห้าง Mark is ยังติดกับสนามกีฬาเบสบอล Mizuho Paypay Dome Fukuoka ซึ่งเป็นสนามเหย้าของทีม Softbank Hawks Fukuoka ทีมเบสบอลอาชีพของเมืองฟุกุโอกะซึ่งเข้าร่วมแข่งขันในเบสบอลลีกอาชีพของประเทศญี่ปุ่นด้วย (Nippon Professional Baseball) ในวันที่มีเกมการแข่งขันก็จะเต็มไปด้วยแฟนๆ เบสบอลที่จะมาพักผ่อน ทานข้าวกันที่ห้าง Mark Is แห่งนี้หลังจากเกมจบกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งในวันที่ผมไปเดินห้าง Mark Is นี้ก็มีเกมเบสบอลเพิ่งแข่งจบพอดี มีแฟนๆ เบสบอลมาทานข้าวกันที่ห้าง Mark Is นี้เยอะมากๆ ได้บรรยากาศคนโลคอลสุดๆ ครับ

ผมได้ของติดไม้ติดมือกลับมาจากห้าง Mark Is นิดหน่อย เช่นพัดลืมมือถือแบบคล้องคอปรับระดับได้ เจ๋งมากๆ ราคา 1,650 เยนเท่านั้น ซื้อจากร้าน “3Coins” เป็นร้านขายสินค้าตกแต่งบ้านราคาประหยัด ของหลายๆ อย่างดูมีฟังก์ชันและมีฟีเจอร์น่าใช้หลายอย่างเลยครับ ถ้าใครสนใจก็ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของร้านเค้าได้ครับ ฟีลเหมือนไปเดิน Daiso แต่ของค่อนข้างมีสไตล์และ Creative มากกว่า มีความญี่ปุ่นมากฃ

มื้อเย็นวันนี้ผมเลือกกินราเม็งปิดท้ายที่ฟู้ดคอร์ทของห้าง Mark Is ที่ร้าน Hakata Ikkosha เป็นราเม็งสไตล์ฮากาตะ น้ำซุปทงคัตสึ รสชาติอร่อยดีเลยครับ มีหลายสาขา ลองเสิชหาใน Google Maps กันดูได้ครับ

หลังจากเดินเที่ยวช้อปอย่างเต็มอิ่มแล้ว ผมก็นั่งบัสกลับที่พัก แต่รอบนี้โชคดีมีโอกาสได้นั่งบัสที่เป็น BRT ของฟุกุโอกะด้วย คือเป็นบัสรถสองตอนที่เหมือนเอารถสองคันมาต่อกัน ยาวมากครับ ซึ่งก็ยังสามารถใช้พาสรถบัสได้เหมือนเดิมนะครับ

Fukuoka BRT Bus, Credit: https://ja.wikipedia.org/wiki/Fukuoka_BRT

Day10: เดินทางกลับไทย

วันสุดท้ายของทริปนี้ ผมเดินทางกลับไทยตั้งแต่ช่วงสาย ราว 11 โมงเช้าครับ ซึ่งผมจะต้องออกจากที่พักถึงสนามบินราวๆ 8 โมงเพื่อไปต่อคิวเช็คอินและโหลดกระเป๋า ผมเลือกเดินทางด้วย Airport Bus จาก Hakata Bus Terminal ซึ่งก็ยังคงใช้พาสรถบัส Fukuoka 24-Hour Pass ที่ซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อวานได้อยู่เลยครับ

แวะร้านครัวซองชื่อดัง Forno del Mignon ที่ JR Hakata Station คิวยาวตลอดเวลา
นั่ง Airport Bus จาก Hakata Bus Terminal ไป Fukuoka Airport

โดยเราสามารถเดินมารอขึ้นรถบัสได้ที่เกทเบอร์ 11 ที่ Hakata Bus Terminal อยู่ข้างๆ สถานีรถไฟ JR Hakata Station เลยครับ จะเป็นรถรอขึ้น Airport Bus ไปสนามบินฟุกุโอกะ โดยรถบัสจะจอดที่ International Departure Terminal ให้เลย ซึ่งจะไม่เหมือนกับขามาที่เรานั่งรถไฟใต้ดินซึ่งจะจอดที่ Domestic Terminal แล้วต้องนั่งบัสในสนามบินต่อมายัง International Terminal อีกที ผมว่าการนั่ง Airport Bus มาสนามบินฟุกุโอกะนี้สะดวกมากเลย คือไม่ต้องลากกระเป๋าเดินทางไปมา (บนบัสมีจุดให้วางกระเป๋าเดินทาง) และก็มาถึง International Terminal เลย ราคาค่าตั๋วถ้าซื้อรายเที่ยวก็ 310 เยนใช้เวลาเดินทางราว 15–20 นาทีก็ถึงแล้ว แต่เราใช้พาสก็เหมาจ่ายคุ้มค่ามากครับ

ตารางรอบ Airport Bus ไปสนามบิน Fukuoka

ผมเดินทางถึงสนามบินก็ได้เวลา Counter Check-in เปิดพอดีเลยครับ ต่อคิวอยู่แปบเดียวก็เช็คอินโหลดกระเป๋า และได้ Boarding Pass มาสองใบ กระเป๋าที่โหลดก็ Check Through ไปรับกระเป๋าอีกทีที่สนามบินสุวรรณภูมิที่เมืองไทยเลย

Fukuoka International Lounge ที่สนามบิน Fukuoka Airport

หลังจากผ่านตม.เข้ามารอขึ้นเครื่องที่เกท ผมก็มานั่งรอที่ Fukuoka International Lounge ในสนามบิน เป็น Lounge เล็กๆ ในสนามบิน มีบริการเครื่องดื่ม ชากาแฟให้ทานฟรีครับ แต่จะไม่มีอาหารให้บริการ แต่สามารถสั่งเพิ่มได้ มีหลายเมนูให้เลือกครับ ผมลองสั่งข้าวผัด Bokkake (Kobe-Nagata Style) มาทาน อร่อยดีครับ ราคา 1,000 เยน

การเดินทางกลับไทยผมบินกับสายการบิน China Airlines เหมือนขามา แวะเปลี่ยนเครื่องที่ไทเปประมาณ 1 ชม. ใช้เวลาในการเดินทางรวม 7 ชม. สำหรับผมถือว่าโอเคเลย เพราะเดินทางไม่เหนื่อย มีช่วงพักสั้นๆ แวะซื้อของฝากเพิ่มเติมที่สนามบินเถาหยวนได้ด้วยครับ

ฝนตกยันวันสุดท้ายของทริป A330 FUK-TPE โดย China Airlines

เครื่องบินขากลับจะเป็น Airbus A330 ทั้งสองเที่ยวเลยครับ การบริการต่างๆ ก็ดีเหมือนขามาเลย ถ้าใครอยากอ่านรีวิวสายการบิน China Airlines ขามาของผมสามารถอ่านได้จากลิ้งค์ด้านล่างนี้เลยครับ

แวะเปลี่ยนเครื่องที่ไทเป

การเดินทางจาก Fukuoka มายัง Taipei ใช้เวลาราว 2 ชม. ก็มาถึงที่สนามบินเถาหยวนแล้วครับ ผมมีเวลาต่อเครื่องราว 1 ชม. ก็พอได้อยู่นะครับถึงแม้ว่าจะต้องผ่านการตรวจ Security Check อีกครั้งและจะต้องเปลี่ยน Terminal จาก Terminal 1 เดินไปขึ้นเครื่องกลับไทยที่ Terminal 2 ก็ทันแบบพอดีๆ (ถ้าไฟลท์ไม่ดีเลย์) มีเวลาให้ซื้อของฝากที่ Duty Free อีกเล็กน้อย ซึ่งผมไม่ลืมที่จะซื้อขนมเผือกไส้โมจิ (Taro Crystal Cake) ที่เป็นของขึ้นชื่อของไต้หวันกลับมาด้วยครับ

อาหารและเครื่องดื่มบนไฟลท์ TPE-BKK โดย China Airlines

การเดินทางจากไต้หวันกลับไทยก็ยังใช้ Airbus A330 เช่นเดิม ในเที่ยวบินนี้เสิร์ฟอาหารมื้อกลางวันมีไอศครีมชาอู่หลงมาให้ด้วย ชอบมากครับ และแล้วผมก็เดินทางถึงไทยในช่วงบ่ายๆ ตรงเวลาดีมากครับ

เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายการเดินทาง

เรามาสรุปค่าใช้จ่ายการเดินทางเปรียบเทียบกับค่าพาสที่เราจ่ายเหมาๆ กันไปตลอดทั้งทริปดูกันหน่อยครับว่าเราถ้าเทียบกับการซื้อตั๋วรายเที่ยวแล้วรายจ่ายแตกต่างกันขนาดไหนทั้ง JR Kyushu Pass ในการเดินทางด้วยรถไฟ และ SunQ Pass ในการเดินทางด้วยรถบัส รวมถึง Fukuoka 24-Hour Pass ที่เราใช้ในการเดินทางด้วยรถบัสในตอนนี้ด้วย

เปรียบเทียบค่าเดินทางด้วยรถไฟรายเที่ยว vs JR Kyushu 3 Days Pass
เปรียบเทียบค่าเดินทางด้วยรถบัสรายเที่ยว vs SunQ 3 Days Pass
เปรียบเทียบค่าเดินทางด้วยรถบัสรายเที่ยว vs Fukuoka City 24-Hour Pass

สรุป

ก็ถือเป็นทริป 10 วัน 9 คืนในภูมิภาค Kyushu ที่สุดประทับใจ ผมได้เที่ยวไปทั่วภูมิภาคคิวชูเลย และยังพบว่าเราสามารถเที่ยวคิวชูได้อย่างสะดวกสบายมากมายด้วยระบบขนส่งที่ไปทั่วถึงมาก ทั้งรถไฟ JR และเส้นทางรถบัสต่างๆ ที่สามารถพาเราไปยังสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละจุดได้อย่างครบถ้วนอย่างที่ตั้งใจ ถ้ามีโอกาสผมคงจะกลับไปเที่ยวที่คิวชูอีกครั้งอย่างแน่นอนครับ Happy Travel!

--

--

No responses yet